วันที่  25 พ.ค.67 ที่ จ. ขอนแก่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ลงพื้นที่ภาคอีสาน ขอนแก่นเป็นที่แรก รณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อ ตรวจสอบกล่าวหา กรรมการ ปปช ขณะที่ยอดลงทะเบียนล่าสุดอยู่ที่ 16,300 ยืนยันจะกลับมาทำหน้าที่ดูแลประชาชน และ พัฒนาโรงพัก ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกมิติ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์   กล่าวว่า หลังจากเดินสายในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ในการยื่นกล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ปปช ที่ต้องสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ 

โดยมีประชาชนจำนวนมากนำผ้าขาวม้ามาผูกเอวเพื่อให้กำลังใจตามประเพณีชาวอีสาน  ก่อนที่บิ๊กโจ๊กจะขึ้นพูดกับประชาชนให้รับทราบถึงเหตุผลในการออกมารณรงค์ครั้งนี้ พร้อมกับยืนยันกับชาวบ้านว่าทุกโครงการที่ทำสำเร็จมาก่อนไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หรือ ดอกเบี้ยเงินกู้โหด หากมีโอกาสจะกลับมาเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ อีกครั้ง นอกจากนี้จะพัฒนาโรงพักให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงในทุกมิติ และประชาชนมีสิทธิ์ที่จะบอกเล่าเก้าสิบ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐประพฤติมิชอบต่อหน้าที่หรือละเลยต่อการปฎิบัติหน้าที่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวให้คำมั่นกับชาวอีสาน และชาวใต้ที่มาปักหลักอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ว่าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และนำความเป็นธรรมกลับมาให้ได้ ทั้งเรื่องของตัวเองของตัวเองและเรื่องของชาวบ้าน และเหนือสิ่งอื่นใด อยากให้พี่น้องประชาชน ได้ใช้สิทธิของท่าน ในการตรวจสอบ องค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ ผ่านทางช่องทาง เว็บไซต์ www.hakparn.com    จากนั้นบรรดากลุ่มมวลชนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ต่างรุมกันขอถ่ายรูปและมอบดอกกุหลาบ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบิ๊กโจ๊ก ขอให้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป 

ขณะที่ยอดรายชื่อผู้ลงทะเบียน ในเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่มีการยื่นเอกสารแจ้งความจำนงต่อประธานรัฐสภา จนถึงวันนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ มีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วกว่า 16,300 คน และช่วงบ่ายวันนี้ก็จะเดินทางไปที่โรงแรมมณฑาทิพย์  อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เพื่อรณรงค์ร่วมกับชาวอุดรธานีอีกครั้ง ส่วนในสัปดาห์หน้า จะขึ้นเหนือไปที่จังหวัด เชียงใหม่ เพื่อพบกับชาวเหนือ เป็นภูมิภาคสุดท้าย

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวขอบคุณประชาชน  ที่มาร่วมลงชื่อและมาร่วมกิจกรรมรณรงค์ เพื่อสร้างมิติใหม่ครั้งประวัติศาสตร์ ในการใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 กล่าวหาและตรวจสอบกรรมการ ปปช   เพราะที่ผ่านมาการรณรงค์ส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ไขข้อกฎหมาย ต่างจากครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง