เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า
#ข้าว 10 ปีมรดกการโกงจำนำข้าว
สิ่งที่น่าแปลกใจ นายภูมิธรรมพยายามพูดเสมอว่า นี่คือข้าวเก่า ข้าวหอมมะลิ และทางเจ้าของคลังดูแลอย่างดี ราคาประมูลตอนนี้ ยังไงก็ดีกว่า5บาท กลายเป็นของเน่าไป ข้าว10ปียังทำได้ ก็ต้องกลับไปทบทวน
นายภูมิธรรมพูดมีความจริงน้อยมาก เพื่อให้ประชาชนทบทวนความทรงจำ หลังจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกยึดอำนาจ มีข้าวในโครงการรับจำนำข้าวค้างคลัง 18.6ล้านตันตามบัญชี แต่ปริมาณข้าวจริงประมาณ 17.7ล้านตัน
เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว มีการทุจริตทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ช่วงต้นน้ำ มีการโกงความชื้น โกงตาชั่ง สิ่งเจือปน ขายสิทธิ์ใบประทวน ช่วงกลางน้ำ ปัญหาหลักคือเอาข้าวไม่ได้มาตรฐาน ข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวต่างชาติ เวียนเทียนข้าว
ในส่วนปลายน้ำ มีการระบายข้าวเป็นข้าวถุง แต่สุดท้ายข้าวไม่ถึงมือชาวบ้าน ถูกตรวจสอบพบการทุจริต จึงยุติโครงการ มีการส่อทุจริตไปแล้ว1.1ล้านตัน จากเป้าหมาย2.5ล้านตัน
อีกกรณีคือการระบายแบบจีทูจี ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ไม่สั่งระงับ ทั้งๆที่รู้การทุจริต จึงถูกศาลพิพากษาจำคุก5ปี
ปัญหาของข้าวในโกดัง ที่เป็นการทุจริตกลางน้ำ จากการตรวจสอบข้าวในคลัง ของโครงการรับจำนำข้าว ข้อมูลของTDRI รายงานว่า มีข้าวไม่ได้มาตรฐานสูงถึง 85%
การระบายข้าวในสมัยพลเอกประยุทธ์ เนื่องจากมีข้าวไม่ได้มาตรฐานสูงถึง 85% จึงต้องแบ่งเกรดข้าว เป็น1.ข้าวมาตรฐาน คือข้าวปกติทุกอย่าง 2. ข้าวเกรดA 3.เกรดB และ4.เกรดC
สิ่งที่นายภูมิธรรมพูดจริงบางส่วน คือข้าวที่ขายในราคากิโลละ 6 บาท ไม่ใช่5บาท คือข้าวเกรดC ที่มีเชื้อราเป็นก้อนๆ ในกระสอบข้าวสาร เขาจึงตีเป็นข้าวเกรดC ขายเพื่ออุตสาหกรรม เช่นทำปุ๋ยหรือแลกอฮอล์
ที่สำคัญ ข้าวที่เหลือล็อตสุดท้ายนี้(1.5หมื่นตัน หรือ1หมื่นตัน ตัวเลขยังไม่มีการชี้แจง) เคยขายในราคากิโลละ 27-28บาท ผู้ชนะซื้อเป็นข้าวหอมมะลิ แต่มีข้าวขาวปลอมปน เขาจึงรับข้าวไปบางส่วน และไม่ยอมรับที่เหลือ
อย่างน้อยนายภูมิธรรมต้องรู้ว่า ข้าวล็อตสุดท้ายนี้ ไม่ได้ขาย5บาท ตามที่นายภูมิธรรมพูดแบบจินตนาการ ที่สำคัญก็เป็นการตอกย้ำ การสอดไส้ข้าว มรดกการโกงจำนำข้าวสมัยยิ่งลักษณ์ ที่ยังหลงเหลืออยู่ ยังไม่นับรวมสิ่งที่กระทำแบบไม่ตรงไปตรงมา ไม่โปร่งใสยุคนายภูมิธรรม