เงินบาทกลับมาอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ด้านหุ้นไทยร่วงลงตามแรงขายต่างชาติ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทรอบสัปดาห์ เงินบาทพลิกกลับมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 36.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์สอดคล้องกับการดีดตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในอิหร่าน ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 1/67 ของไทยซึ่งขยายตัวมากกว่าคาด และจากแรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ และแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 36.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย และการกลับมาร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นตามแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (อาทิ ดัชนี Composite PMI เดือนพ.ค. 67 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์) ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับสัญญาณจากเฟดยังคงสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตอันใกล้
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.40-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนเม.ย.ของธปท. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รายงาน Beige Book ของเฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 (Second Estimate) และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และข้อมูล PMI เดือนพ.ค. ของจีน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของยูโรโซน
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงหลังปิดบวกติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายสุทธิของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังสศช. ปรับประมาณการจีดีพีไทยสำหรับปี 2567 เหลือ 2-3% จากเดิม 2.2-3.2% ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองภายในประเทศ และความเป็นไปได้ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. ออกมาดีกว่าคาด ปัจจัยลบข้างต้นกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยพลังงาน อสังหาริมทรัพย์และไฟแนนซ์
สัปดาห์ที่ 27-31 พ.ค.2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,350 และ 1,340 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 (ครั้งที่ 2) และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ของจีน รวมถึงยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น
#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #ค่าเงินบาท #ดอกเบี้ย