เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.ของวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายรณรงค์  ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.สร ซื่อตรงพานิช ผกก.สภ.กระทุ่มแบน นายวรณัฐ หนูรอต รอง ผวจ.สมุทรสาคร นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัด นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองท้องที่ และหน่วยงานในระดับท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นโกดังบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย ที่โกดังเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยขณะเข้าตรวจค้นพบ นายตินธวัช  อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม รับเป็นคนเฝ้าโกดัง ส่วนเจ้าของที่มาเช่าโกดังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

สำหรับโกดังเช่าแห่งนี้ มีลักษณะเป็นอาคารแฟคตอรี่ ชั้นเดียว 1 คูหา เปิดให้เช่าเพื่อประกอบกิจการต่างๆ โดยทางคนเฝ้าที่ถูกจับกุมบอกว่า มีนายจ้างมาเช่าโกดังแห่งนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อราวๆ 2 เดือนที่แล้ว เพื่อลักลอบเก็บบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก มีตนและเพื่อนร่วมงานอีก 1 คน รับจ้างเฝ้าโกดังและสิ่งของต่าง ๆซึ่งก็มีทั้ง ตัวบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ  อีกทั้งยังมีหน้าที่ออกไปรับสินค้า (บุหรี่ไฟฟ้า) กับ นำสินค้าไปส่ง ตามที่มีลูกค้าสั่งมาออร์เดอร์
   

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การเข้าจับกุม ทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้ารายใหญ่นี้ เป็นไปภายใต้ปฏิบัติการ “ดับควันวันเปิดเทอม” ที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางกระทรวงมหาดไทย กวดขัน จับกุม และปราบปราม ผู้ที่ลักลอบนำเข้า และ จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้หมดสิ้น เพราะถือเป็นภัยร้ายแรงและอันตรายอย่างยิ่งต่อเยาวชนไทย ซึ่งก่อนหน้านี้(วันเดียวกัน) ทางกระทรวงมหาดไทย โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ได้ร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจจับกุมร้านลักลอบ จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าย่านพุทธมนฑล – ศาลายา ในชุมชนใกล้โรงเรียน และมหาวิทยาลัยได้จำนวน 6 แห่ง จากนั้นจึงได้มีการขยายผลจนทราบถึงแหล่งที่ลักลอบเก็บและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในพื้นที่ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เข้าตรวจค้นสถานที่แห่งนี้โดยร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจ และฝ่ายปกครองท้องที่ ซึ่งก็พบว่า มีการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลที่มีรูปแบบต่างๆ มากมายเป็นการมอมเมาเยาวชนให้หลงซื้อไปใช้ เข้ามาเก็บไว้ในโกดังเช่าแห่งนี้ นับเป็นการทำลายอนาคตของเยาวชนอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขอีกด้วย ส่วนสินค้าที่ตรวจพบทั้งหมดนี้ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจนับและจะได้ทำการอายัต พร้อมกับติดตามตัวผู้เช่าโกดังลักลอบเก็บบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดเหล่านี้มารับโทษทางกฎหมาย 
 

เบื้องต้นได้มีการตั้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ที่ถูกจับกุมว่า 1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
 โดยทั้งนี้ได้ส่งตัวคนเฝ้าโกดังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของกลางทั้งหมดได้นำไปเก็บไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบน พร้อมกันนี้ทางด้านของ มท.1 ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการขยายผลด้วยว่า มีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดนี้ซุกซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อบุกทลายจับกุมให้หมดสิ้นไป.