วันที่ 24 พ.ค.67 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากรับคำร้องของ 40 สว. กรณียื่นถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นว่า ถ้าเป็นสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนคิดว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่า ส.ว.ทำถูกขั้นตอน และพยานหลักฐานค่อนข้างที่จะชัด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติรับคำร้อง 6 ต่อ 3 แต่ปรากฏว่า ไม่ให้นายกหยุดปฎิบัติหน้าที่ 5 ต่อ 4 คือมีศาลรัฐธรรมนูญทีลงมติรับคำร้องสองคนไปลงมติฝั่งไม่หยุด ถ้าลงมติฝั่งหยุดก็คือหยุด สมัยพลเอกประยุทธ์ ศาลเองก็สั่งหยุดเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่เคสของพลเอกประยุทธ์ เรื่องดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี นั้นพิจารณาง่ายกว่าเรื่องของนายเศรษฐา

นายสามารถ กล่าวต่อว่า เรื่องคุณเศรษฐาเป็นเรื่องที่จะต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะการตั้งรัฐมนตรีที่ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริต จนเป็นที่ประจักษ์ นั้นไม่ให้เกียรติไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ที่มีการเขียนไว้เป็นอักษร ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร รัฐธรรมนูญนั้นคือกฎหมายสูงสุดของประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้เขียนไว้เพื่อต้องการให้คนที่จะเป็นรัฐมนตรีนั้น ต้องเป็นคนที่เรียกว่าคนดี เป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตไม่คดโกง ไม่เอาเปรียบประชาชน ไม่ทุจริต เพื่อที่จะสกัดกั้นการคอรัปชั่น หรือการที่จะเข้ามาทำเพื่อพวกพ้องตัวเอง

“ผมว่ามีคนสั่งให้คุณพิชิตลาออก คุณพิชิตไม่ได้ลาออกเอง เพราะก่อนหน้าลาออกหนึ่งวันคุณพิชิตยังสาบานว่า เป็นคนไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าตัวเอง มีคุณสมบัติ ครบถ้วน คุณพิชิตพูดแบบนี้ชัดเจน สื่อลงทุกสำนักว่าคุณพิชิตไม่ลาออก ผมเองก็เชื่อแบบนั้น เพราะคุณพิชิตยืนยันว่า บริสุทธิ์ ผมก็คิดว่าถ้าคนหนึ่งคนเป็นผู้บริสุทธิ์จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนประชาชนคนทั่วไป

เพื่อให้พิสูจน์ว่า ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับกันในวันรุ่งขึ้น

คุณพิชิตได้ทำหนังสือลาออก โดยในหนังสือคุณพิชิตเองยังเขียนอีกว่า ตัวเองบริสุทธิ์ มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด แต่คุณพิชิตดันลาออกเพื่อที่จะลดกระแสสังคม เพื่อรักษาตัวนายกไว้ และคุณพิชิตก็รักษาตัวเองไว้ด้วย“นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้ความผิดมันสำเร็จไปแล้ว การตั้งคุณพิชิตขึ้นมา เป็นรัฐมนตรี เกิดขึ้นไปแล้วสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วแต่วันนี้สิ่งสำคัญที่สังคมเป็นห่วงคือ ว่าเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ โดยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นไป แล้วก็ลาออก ๆแบบนี้มันสะท้อนอะไร มันไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยในระยะเวลา 1 เดือน รัฐมนตรีลาออก 3 คน แล้วการที่นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าแล้วทูลเกล้าอีก ตนคิดว่าสมควรหรือไม่ อีกทั้ง การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้ว การที่นายกฯจะไปต่างประเทศ หรือไปลงนาม กิจการในฐานะผู้นำประเทศ สมควรหรือไม่ ซึ่งตนมั่นใจว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยได้ ภายใน 1 เดือน ถ้านายกฯไม่ยื่นขอเลื่อน

“ผมคิดว่า นายกฯควรจะลาพักร้อนไปเลย จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลฯ โดยทั้งนี้นายกฯจะได้ทำงานอย่างที่อยากทำ จะไปเที่ยวทำไปเลย แล้วก็ให้คุณภูมิธรรมขึ้นมารักษาการไป จะได้ไม่มีภาระผูกพันธ์ที่จะต้องมีผลเสียกับประเทศแต่ผมกลัวว่านายกฯจะขอเลื่อนแสดงคำชี้แจงเหมือน พรรคก้าวไกล สิ่งที่ผมเห็น ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญไม่เหมือนศาลรัฐธรรมนูญสมัยพลเอกประยุทธ์ ที่ยุติธรรม ชัดเจน ตรงไปตรงมา ผมบอกไปแล้วว่ากลัวว่า ศาลจะไม่สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ เพราะผมบอกว่าพรรคก้าวไกลศาลยังให้เลื่อนถึง 3 ครั้ง ทั้งที่ตัดสินไปแล้วว่ากระทำผิดข้อหาล้มล้างการปกครอง“

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ที่ถามกันว่า ส.ว.มีไว้ทำไมนั้นชัดเจนแล้วว่า ส.ว. ทำหน้าที่แทน ส ส.พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล เพราะไม่เคยตรวจสอบนายกรัฐมนตรีแม้แต่ครั้งเดียว หมายความว่าไม่เคยเข้าชื่อถอดถอนนายกฯ ไม่เคยเข้าชื่อตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ ไม่เคยอภิปรายไว้วางใจ ตนถึงบอกว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เขาหรี่ตากัน สว.เขาเข้าถึงเข้าชื่อกันที่จะตรวจสอบคุณสมบัติของนายกฯ แต่ถ้าปรากฏว่า นายกฯ ไม่ผิด ตนคิดว่า อนาคตก็ไม่ต้อง เขียนในรัฐธรรมนูญที่บอกว่า รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์ จนต้องเป็นที่ประจักษ์ จะตั้งใครก็ตั้งไปเลย จะเป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดีเพราะสุดท้ายกฎหมายมันไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงแล้วจะเขียนไว้ทำไม

“ผมเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโต ยังไม่เคยเห็นฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่แบบนี้เลยไม่เชื่อลองไปย้อนดูเลยครับว่าคนที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านเขาต้องตรวจสอบรัฐบาล แต่นี่กลายเป็นว่า ไม่ตรวจสอบ ไม่ยื่นถอดถอน ตอนนี้ชาวบ้านเขามองว่า ส.ว. คือฮีโร่ มีแต่คนจะเอาดอกไม้ไปให้ ทั้งนี้ส่วนตัวผมว่าท่านนายกฯจะขอศาลเลื่อนการชี้แจงออกไป แต่ผมขอเรียกร้องถ้านายกฯอยากสง่างาม นายกลาออกไปเลยก็ได้ หรือลาพักร้อนหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอศาลสั่งว่าผิดหรือไม่”