วันที่ 24 พ.ค.2567 เวลา 10.00 น. นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จังหวัดได้ สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่นมีการระบุในรายละเอียดว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เรียกรับเงินค่าดำเนินการออกหนังสือรับรองสภาพวัดจำนวน 33,000 บาท ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยมอบหมายให้นายประจวบ รักแพทย์ เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวภายใน 15 วัน
โดยมีปลัดจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนั้นยังไม่มีข้อสรุปโดยจะต้องรอทางคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนต่อไป แต่ทั้งนี้ จากข้อมูลบางส่วนทราบมาว่า ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนามีพฤติกรรมที่ขยันผิดปกติ และใกล้ช่วงเกษียณอายุราชการ ก็ทำให้น่าเชื่อได้ว่าอาจจะมีการกระทำดังกล่าวขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอผลการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ที่มีตำแหน่งชื่อเสียง
แต่ทั้งนี้ในการขอใบรับรองสภาพวัดหรือออกใบตราตั้งนั้นควรจะไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และมีการเซ็นลงนามรับรองให้ทั้งหมดหากมีการร้องขอเข้ามา โดยในวัดต่างๆที่ถูกระบุมาว่ามีการเรียกเก็บเงินนั้น ยังไม่พบว่ามีการส่งเรื่องมายังจังหวัดแต่อย่างใด คาดว่าจะรู้ผลเร็วๆนี้ นอกจากนี้ในการร้องเรียนดังกล่าวมีมูลเรื่องของการขัดผลประโยชน์กันจนนำไปสู่การร้องเรียน ซึ่งการดำเนินการตรวจสอบนั้นก็ว่ากันไปตามกระบวนการและหลักฐานต่างๆเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่วัด บ้านคำครึ่ง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น พบกับ นายวิระศักดิ์ อายุ 51 ปี ผญบ. บ้านคำเจริญ ม.10 ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น น.ส.มยุรี ทับทะมาตร อายุ 31 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฯ นางณิรชา อายุ 46 ปี กรรมการเบิกจ่ายเงินกลางของหมู่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่
ซึ่ง นายวิระศักดิ์ กล่าวว่า ชาวบ้านทั้ง ม. 4 และ ม.10 ซึ่งอยู่ติดกัน และดูแลวัดร่วมกัน มีความเห็นพ้องกันว่าอยากให้วัดแห่งนี้มีตราตั้งถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้จัดงานฉลองอุโบสถ ซึ่งมีการปรึกษาหารือกันมานานหลายเดือนแล้ว จนกระทั่ง นายก อบต.หนองนาคำ ได้เสนอว่าทางผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น จะมาทำเอกสารเกี่ยวกับการออกโฉนดให้วัด และออกใบรับรองสภาพวัดให้ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการขอออกโฉนดโดยทางสำนักงานที่ดินเป็นผู้ออกให้ เพื่อให้วัดมีตราตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านทุกคนก็ยินดี กระทั่งวันที่ 18 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา นายก อบต.หัวนาคำ พร้อมด้วยชายชื่อ ดร.หนุ่ย แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด
ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ มาทำเรื่องเอกสารต่างๆ และสอบถามข้อมูลว่าวัดตั้งมาก่อนที่จะมีกฎหมายต่างๆบังคับใช้ในเรื่องการตั้งเป็นวัด พร้อมทั้งได้ขอค่าน้ำมันเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท โดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านอยู่ด้วยกันกับชาวบ้านส่วนหนึ่ง ซึ่งทุกคนเห็นว่ามีการใส่ซองให้ และแยกย้ายกันไป โดยในวันที่ 18 ต.ค.2566 นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ได้ออกใบรับรองสภาพวัดให้ทันที โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผอ.สนง.พระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ลงนามเซ็นในหนังสือรับรองสภาพวัดให้ ต่อมาวันที่ 19 ต.ค.2566 วันที่มีการจ่ายเงิน 20,000 บาท นั้น ทางผู้นำแจ้งกับกรรมการเบิกจ่ายเงินกลางของหมู่บ้าน ให้นำเงินมาจ่ายเป็นค่าดำเนินการในการออกโฉนดที่ดินวัดให้ถูกต้อง โดยในวันดังกล่าวทางคณะกรรมการต้องมีการใช้คณะกรรมการเบิกจ่าย 2 ใน 3 แต่เนื่องจากกรรมการไม่พร้อมจึงไม่สามารถเบิกจ่ายได้ จึงได้ทำการยืมเงินกับร้านค้าในหมู่บ้านเป็นเงิน 20,000 บาท ก่อนและได้มีการโอนคืนในภายหลัง เป็นเงินโอนจำนวน 14,000 บาท และเงินสดจำนวน 6,000 บาท
ขณะที่ นายวิระศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่าในเรื่องของการเรียกรับเงินนั้น ทุกคนไม่ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายหรือไม่อย่างไร แต่ชาวบ้านทุกคนก็พร้อมที่จะหามาให้ครบจำนวนที่ทางเจ้าหน้าที่บอกมาด้วยความเต็มใจ ถ้าหากวัดสามารถตั้งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนในพื้นที่อยากได้ เพราะต้องการที่จะจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการจัดงานฉลองอุโบสถ แต่ไม่ได้มีการบังคับเรี่ยไรกันแต่อย่างใด ส่วนเงินที่นำมาให้นั้นเป็นเงินของกองกลางหมู่บ้านที่มีการพูดคุยร่วมกันและพร้อมใจกันที่จะจ่ายเพื่อให้ได้โฉนดที่ดินของวัดและใบตราตั้งวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนค่าใช้จ่ายอะไรบ้างนั้นชาวบ้านไม่มีใครทราบทราบเพียงแต่ว่าเป็นค่าดำเนินการ และจากการสอบถามชาวบ้านว่าถ้ากรณีการขอใบรับรองสภาพวัดนั้นไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ชาวบ้านมองว่า ถ้าเป็นในลักษณะนั้นก็มีเสียความรู้สึกบ้าง แต่หากเสียเงินแล้วสามารถทำให้วัดมีใบตราตั้งถูกต้องก็ยินดีที่จะเสีย เพราะได้ทำการขอดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องมานานหลายเดือนแล้ว