เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ค.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. นายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง เดินทางเข้าพบ พงส.บก.ปปป.แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหา ม.157 

นายกฤษฎา กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กรณีโรงงานแป้งมันสำปะหลังขนาดใหญ่ ตำบลหนองบัวศาลา จังหวัดนครราชสีมา ที่มีกำลังการผลิตเป็นอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างความเสียหายแก่ที่ดินของรัฐเป็นจำนวนกว่า 300 ไร่ ทำให้เกิดมลพิษ น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นเป็นบริเวณกว้าง ประชาชนในละแวกใกล้เคียงต้องทนทุกข์ทรมานกับกลิ่นเหม็นของน้ำเน่าเสียมาเป็นเวลานานแล้ว 

ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายและสั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดนครราชสีมา มีหนังสือตอบมายังตน ซึ่งประเด็นที่ตอบมานั้นเป็นความเท็จเพราะผู้ว่าฯ และอุตสาหกรรมจังหวัดแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าโรงงานแป้งมันไม่มีการระบายน้ำเน่าเสียออกจากโรงงานแล้ว และได้กำชับให้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดด้วยแต่กลับไม่มีหลักฐานประกอบการชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น ตนเชื่อว่าการตอบแบบนี้เป็นความเท็จ เพราะข้อเท็จจริงตนมีหลักฐานยืนยันว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 คณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่สำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในบ่อน้ำที่โรงงานแป้งมัน เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ ซึ่งมีการแบ่งเป็นแปลงจำนวน 13 แปลง ลักษณะรูปร่างของบ่อเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียงกันยาวคล้ายขั้นบันได ลดหลั่นกันไปตามระดับความสูงของผิวดินเพื่อความสะดวกในการระบายน้ำ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำพบว่า ทุกพารามิเตอร์มีค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ นอกจากนี้ตนยังมีหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความผิด โดยในวันที่ 16 พ.ค.67หลังจากผู้ว่าฯ กับพวกมีหนังสือลงวันที่ 8 พ.ค.67 อันเป็นเท็จมาถึงตนเพียง 8 วันเท่านั้น 

ซึ่ง บก.ปปป.นำโดย พ.ต.ท.รชต พัฒนพงศ์ รอง ผกก.3 บก.ปปป ได้ลงพื้นที่บริเวณโรงงานแป้งมันและสอบปากคำชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับบ่อน้ำเน่าเสียของโรงงาน และเก็บหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอ และภาพนิ่ง แสดงให้เห็นว่าโรงงานแป้งมันก็ยังคงมีการปล่อยน้ำเน่าเสียอยู่ตลอดเวลามีลักษณะเป็นสีดำคล้ำ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ดังนั้นพยานหลักฐานที่ตนได้มาทั้งหมดนี้จึงขัดแย้งกับคำชี้แจงของผู้ว่าฯ กับพวกอย่างสิ้นเชิง น่าเชื่อว่าผู้ว่าฯ กับพวกมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่โรงงานแป้งมันทำให้ตนต้องได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้ที่ติดตามข่าวจะเข้าใจไปในทางที่ว่าตนกลั่นแกล้งใส่ร้ายเจ้าของโรงงานแป้งมัน 

ในวันนี้ตนจึงต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ว่าฯ และอุตสาหกรรมจังหวัดฯ ในข้อหาตาม ม.157 และร้องทุกข์กล่าวโทษกรรมการบริษัทโรงงานแป้งมันฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กระทำความผิดอาญาตาม ม.157 ให้ถึงที่สุด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับแจ้งสอบปากคำผู้ร้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป