ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“คุณค่าของตัวตน..ถือเป็นเรื่องสำคัญและมีความหมายที่สุดต่อความเป็นชีวิตหนึ่งๆ..มันคือรากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ..ที่ทำให้ชีวิตในแต่ละชีวิต..เติบโตขึ้นอย่างมีพลัง..เพื่อการย่างก้าวสู่ความสุขแท้อันถาวร..โดยมิต้องครวญคร่ำอยู่กับความเจ็บปวดจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เข้ามาแผ้วพานความรู้สึก..และมิต้องไปใส่ใจกับการมุ่งโทษตัว .เพื่อให้หลุดพ้นไปจากบ่วงกรรมของมายาแห่งการกระทำใดๆ..
รากเหง้าแห่งการเข้าใจสภาวะแห่งความเป็นไปของชีวิตและโลกตรงส่วนนี้..ถือเป็นแรงขับสำคัญในตัวตน ที่จะส่งผลต่อการก่อเกิดโอกาสพิเศษ..สู่การบรรลุถึงโครงสร้างอันไม่เสื่อมทรุดของชีวิต..ที่อยู่เหนือชีวิตแท้จริง”..
นี่เป็น..ฐานรากสำคัญของหนังสือแห่งการย้ำเตือนสติให้เปิดกว้าง..สู่ความเจิดกระจ่าง..ของการดำรงชีวิตอยู่และดำเนินชีวิตต่อๆไป...อย่างเข้าใจและรู้เท่าทันสถานะและบทบาทอย่างล้ำลึก
“ฉันคือฉัน เพราะอย่างนั้นถึงได้พิเศษ” งานเขียนอันล้ำค่า..ล้ำสมัยของ.. “ชเวแทโฮ” ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อจะให้ผู้คนที่เหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับชีวิตที่ยากลำบาก..สามารถที่จะมีความสุขกับชีวิตได้บ้าง..เป็นวิธีการที่เต็มไปด้วยความมุ่งหวังตั้งใจ..ท่ามกลางวิกฤติแห่งสถานการณ์ชีวิต...ที่ยากจะดิ้นหลุด..ณ ปัจจุบัน..
แต่..ยิ่งเขียน ยิ่งใส่ใจ เขาก็ยิ่งได้พบกับมูลเหตุอันเศร้าหมอง อย่างไม่จบสิ้น..การสร้างความเข้มแข็งสู่ความเป็นตัวตนเท่านี้น..ชีวิตจึงเหมือนจะรอได้ .เหตุนี้..ชีวิตจึงต้อง..
“อย่าเจ็บปวดกับเรื่องเล็กน้อย..กระทั่งต้องกล่าวโทษตัวเองและร้องไห้..” ผลลัพธ์จากการอ่านหนังสือเล่มนี้..ที่ชัดแจ้ง..คือการที่ชีวิตสามารถผ่านพ้นความกลุ้มกังวลอย่างเข้มแข็งมั่นคง..สามารถมองไปสู่จุดมุ่งหวังข้างหน้าอย่างหาญกล้าและไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรค..
“ชเวแทโฮ” ..ถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งความคิดและการกระทำออกมาสู่วิถีปฏิบัติที่ควรฝึกฝนและจดจำ..ประหนึ่งแบบทดลองอันเเข็งแกร่งของชีวิต..เราทุกคนจำเป็นที่จะต้องข้ามผ่านความอ้างว้างของชีวิต ความรู้สึกนี้จะลดทอนเจตจำนงอันมุ่งมั่นของชีวิตลงจนแทบไม่เหลือ..ความหวัง..
หากแต่พลังของ..ความเป็นตัวตนที่กลั่นออกมาจากภายในจะนำพา..ความหวังที่เหือดหายของเราให้กลับคืนมา สู่บริบทของการก้าวย่างแห่งอนาคตอันเจิดกระจ่าง..
วิถีปฏิบัติ ที่สอดผสานอยู่ภายในจิตใจเช่นนี้..จึ่งคือประกายแห่งสำนึกคิดที่ผู้อ่านจะได้รับ..และเติบโตไปกับ “สัจจะวิถี” อันควรค่านี้..
“ขอให้รอคอยสิ่งดีๆ ด้วยจิตใจที่ยิ้มแย้ม..และเมื่อถึงเวลาสิ่งดีๆจะเข้ามาหาเธอเเอง..ขอเพียงว่า..อย่าเพียรพยายามที่จะมอบความรักของเราให้แก่ทุกคน..เพราะเขาอาจจะกลับมาทำร้ายเธอได้..”
ความคิดที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิตประเด็นหนึ่งที่ “ชเวแทโฮ” เขาเน้นย้ำให้เราได้ทบทวนและตรวจสอบชีวิต ก็คือความคิดที่ชี้ให้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบที่ว่า..จริงๆแล้วชีวิตของเราสมควรจะทำตามใจตัวเองหรือไม่?/หรือว่า..เราสมควรที่จะกระทำอะไรก็ตาม ตามที่คนอื่นเป็นผู้ตั้งข้อกำหนดไว้..ประเด็นข้อสงสัยตรงส่วนนี้..จำเป็นอย่างยิ่งต่อคนเราทุกคนที่จะต้องตั้งข้อวินิจฉัย.ให้เห็นถึง..คำตอบที่สมควรจะเป็นอันแท้จริง..!
“หากการทำตามใจตนเองโดยไม่สนใจคนอื่นเป็นความผิดมหันต์..แล้วถ้าคนอื่นเป็นเหตุให้เราไม่ใส่ใจตนเอง..จะถือว่าเป็นความผิดหรือไม่?.
คำถามแห่งปัญญาญาณ..เกิดขึ้นอย่างเชื่อมโยงโดยตลอด..ประหนึ่งเป็นการกระตุ้นเร้าต่อมความคิดของเรา..อะไรคือความหมายรวมของ “ความเป็นฉันที่เป็นฉัน” กันแน่..ทั้งหมดทั้งสิ้นย่อมขึ้นอยู่กับการตกผลึกของประสบการณ์ในการหยั่งเห็นถึงความเข้าใจชีวิตอย่างเข้าใจโดยแท้..
อย่าบีบตัวเองให้เล็ก...อย่ากดตัวเองให้ต่ำลง..เพราะในทุกๆขณะ..เรามีคุณค่าอยู่ในความเป็นชีวิตเสมอ..
“การตำหนิตัวเอง..เท่ากับเป็นการทำร้ายและทำลายศักดิ์ศรีแห่งคุณค่าของตนเองลงจนหมดสิ้น..”
ความพิเศษของคนเรา..จะค่อยๆปรากฏตัวตนแห่งจิตวิญญาณขึ้น..ทีละน้อย ผ่านความจริงที่ล่วงผ่านเข้ามากระทบหรือกระทั่งคุกคามชีวิต..บางขณะ..จังหวะเเห่งการรุกคืบและกระทบกระทั่งของมันก็เล่นเอามนุษย์ ถึงกับซวดเซและสั่นไหว..การเพ่งพินิจปรากฏการณ์อันล้มลุกที่เกิดขึ้นกับใจและกายที่มิอาจจะป้องกันและสวนกลับ..นับเป็นภาวะหนึ่งๆที่ชีวิตจำต้องใคร่ครวญอย่างละเอียดและไม่เป็นอคติ..
..เส้นทางที่กำลังเดินแม้จะไกลแสนไกล..แต่ก็ต้องลอง..ค่อยๆเดินต่อไป..อาจจะถึงจุดหมายช้า..แต่..
“ก็ต้อง ตระหนักถึงความจริงที่ว่า..มันไม่ได้ช้าสักเท่าไหร่หรอก...ขอให้สัมผัสความรื่นรมย์จากการหยุดมอง..สิ่งที่อยู่ตามรายทางแห่งชีวิตดูบ้าง..”
“ชเวแทโฮ” รังสรรค์หนังสือเล่มนี้..ด้วยลมหายใจที่เป็นมิตรไมตรีกับการมองโลกในแง่งาม..การใช้สายตาอย่างผ่อนปรนต่อรากฐานของอุปสรรค..ทำให้ “จิตรับรู้” บังเกิดความบริสุทธิ์ และสามารถให้นิยามต่อความเป็นชีวิต..ที่เบิกบาน ณ ขณะที่..ประสบกับความคลุมเครือ..อันยากจะตีความได้..
อย่าพยายามเข้าใจในสิ่งที่ไม่เข้าใจ.. “หากลองอดทนดูแล้วแต่ใจกลับไม่มีความสุขเลย..ให้ลองสลัดและตัดสิ่งที่ทำร้ายหัวใจออกไปจากชีวิต เพื่อที่ว่าเราจะได้..พบกับภาวะที่ความสุข..ค่อยๆถมทับขึ้นทีละน้อยเพื่อ..สรรค์สร้างชีวิตที่ชื่นบานและมีความหวัง..ในที่สุด”
เมื่อชีวิตของเราทุกคนเดินทางมาถึง “ทางแยก”..อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นรบกวนทั้งใจและกายอย่างไม่หยุดยั้ง..มันคือบททดสอบที่เข้มข้น..ของความรู้สึก..ที่จะหยิบยื่นทางออกของคำตอบที่ล้ำค่าให้แก่ชีวิต ..เป็นภาวะสำคัญเฉพาะหน้าที่ “ชเวแทโฮ” ได้ระบุไว้ดั่งคำสอนของพันธสัญญา..
เมื่อชีวิตต้องประสบกับทางแยกของการเดินทาง...ครั้นเมื่อเรามีสองทางแยก..ทางแรกเราจะเดินไปได้ตามที่ใจต้องการ..โดยไม่ต้องมีคุณสมบัติหรือเงื่อนไขใดๆ..เป็นเส้นทางที่ “เราเดินได้”..เป็นเส้นทางที่ถูกระบุว่า “ฉันทำได้” ที่แตกต่างไปจากอีกเส้นทางหนึ่ง..ที่ระบุว่า.. “ฉันทำไม่ได้”..
“ทั้งสองเส้นทาง..ต่างเป็นเส้นทางที่เราเคยคุ้น..สุดแต่ว่า..เราจะเลือกเส้นทางไหนดี..!”
สมดุลแห่งความเป็นชีวิตที่สมควรนั้น อาจสังเกตเกตได้ไม่ยาก..มันขึ้นอยู่กับขอบเขตแห่งสถานการณ์เกี่ยวกับ ..ความชอบพอและเกลียดชัง..เราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนว่า..ชีวิตใช่ว่าจะมีคนที่รักเราไปเสียทั้งหมด...คนเราย่อมมีทั้งคนรักและคนเกลียด..เป็น “สัจจะสามัญ” ที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนตนในทุกๆห้วงชีวิต..
หากพบและแน่ใจว่าใครสักคนเกลียดเรา..ไม่ชื่นชอบเรา.. “ก็ขอโปรดอย่าได้เสียใจ..ขอให้เพียงแต่คิดว่า..” เขาคนนั้น....ไม่เหมาะสมกับเรา “..ก็สบายใจแล้ว...” ท้ายที่สุด..สาระแห่งความเป็น “ฉัน..ที่พิเศษ”..ก็ถูกกำหนดขึ้นและปิดท้าย ด้วยข้อสรุปอันเป็นกิ่งก้านแห่งความทุกข์ ความสุขของชีวิตที่ต้องเผชิญหน้าและผ่านมาสู่ก้นบึ้งของประสบการณ์.. “ชเวแทโฮ” ได้ตอกย้ำไว้ด้วยข้อสรุปมากมาย..ทั้งด้วยความลุ่มลึกและเรียบง่าย..หากดำรงอยู่ด้วยสติ..สำนึกคิดของหนังสือเล่มนี้จะกระทบใจและมีส่วนฝังลึก..ที่จะเข้าไปเยียวยาจิตใจ แต่หากเป็นในระดับพื้นผิว โครงสร้างแห่งเจตจำนงของการสอน ..ก็ย่อมสร้างการรับรู้ขึ้นมาสู่ความรู้สึกอันพึงมีพึงได้ของปฐมฐานแห่งการสื่อสารคุณประโยชน์โดยตรง..
“สิ่งที่จะต้องทำ..หลังจากที่ใช้ชีวิตจบไปหนึ่งวัน..ไม่ใช่ .คือการคิดในสิ่งที่จะทำต่อไป..แต่มันคือ..การอนุญาตตัวเองให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ..และรับรู้ถึงความอ่อนล้าอันแท้จริงของชีวิต..ทุกสิ่งทุกอย่างใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียว..”
นี่คือ..หัวใจแห่งการย้ำเตือนของ.. “ฉันก็คือฉัน..เพราะอย่างนั้นถึงได้พิเศษ”..หนังสือที่ปลุกตื่นความอ่อนล้าและหวาดระแวงของชีวิต..ให้มีกลไกแห่งการก้าวย่างต่อไป อย่างมีทิศทาง แข็งแกร่งและมั่นใจ..ในทุกสถานการณ์ที่เข้ามารุกรานชีวิต..การค่อยๆเรียนรู้..คือก้าวย่างสำคัญต่อแบบแผน..อันคลายเคลื่อนของชีวิต..ในทุกเมื่อ..
“อย่าตัดสินคุณค่าของตัวเอง..ด้วยผลสำเร็จ..เพราะ..ไม่ใช่เป็นการรักตัวเอง ..แต่คือการรักใน “ผลสำเร็จ” นั้น..ลองจัดลำดับซมคุณค่า ..ลองออกแบบชีวิต...ที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นตัวของตัวเองจริงๆ..ไม่ใช่ชีวิตที่ถูกตัดสินโดยคนอื่น..”
“Parama” แปลหนังสือเล่มนี้ออกมา..สู่การเรียนรู้แห่งชีวิตอย่างตั้งใจ..มันครอบคลุมอยู่ระหว่างกายและจิตวิญญาณที่ “ชเวแทโฮ” ได้ขีดร่างต้นทางไว้..
หากปรารถนาจะสืบค้นถึงตัวตนให้มากขึ้น..บางทีหนังสือเล่มนี้ จะเป็นเครื่องชี้ทาง..ในค่าความหมายแห่งตัวตนของตัวตน..สำหรับทุกๆคน ณ โอาสต่อๆไป..แท้จริง!
“อาจผิดพลาดในบางครั้ง..อาจโดดเดี่ยวในบางคราว ...แต่ฉัน..ก็ยังคงสำคัญ และ พิเศษไม่น้อยไปกว่าใคร!!!...”