สมศักดิ์ ประกาศล็อก ช่อดอกกัญชา กลับคืนยาเสพติด ระบุเตรียมออกกฎหมายควบคุมภายในสิ้นปีนี้ ต้องมีความชัดเจน

     เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งหมายดำเนินการให้มีการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
   

 นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประกอบกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดนำกัญชากลับเข้ามาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนั้น ตามขั้นตอนการดำเนินการเรื่องนี้ ต้องมีการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง 2 เรื่อง ประกอบด้วย
   

 นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ พืชกัญชา เป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยยกเว้นบางส่วนของพืชกัญชา ได้แก่ ใบ กิ่งก้าน ราก ลำต้น เมล็ด และ 2.กฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการอนุญาตการปลูก ครอบครอง นำเข้า ส่งออก หรือการใช้กัญชา
   

 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อให้การจัดทำกฎหมายลำดับรอง ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
   

   ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงเห็นควรกำหนดเป้าหมาย และกรอบเนื้อหาของร่างกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ที่จะได้ยกร่างขึ้นเสนอเพื่อดำเนินการต่อไป 3 ประการ คือ 1.เจตนารมณ์ของการอนุญาตปลูก ครอบครอง นำเข้า ส่งออก หรือ เสพกัญชา ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัย หรือ ประโยชน์อื่น ๆ ในทำนองเดียวกันเท่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าว
 

   นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 2.ระบบอนุญาตต้องไม่เป็นภาระกับประชาชนเกินสมควร โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาต ที่จะกำหนดในกฎกระทรวงการอนุญาตดังกล่าว เช่น การกำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การยื่นคำขอ ระยะเวลาที่ใช้ในการอนุญาต เกณฑ์หรือเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาต หรือ การกำหนดเงื่อนไขการอนุญาตอื่นๆ ต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการอนุญาต
   

 รมว.สธ. กล่าวด้วยว่า ซึ่งต้องมีความชัดเจน ได้สัดส่วน โดยมีข้อกำหนดการปฏิบัติ หรือ ต้นทุนการปฏิบัติตามกฎหมายของประชาชนเท่าที่จำเป็น และน้อยที่สุดเพียงเพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อสันทนาการเท่านั้น และ 3.ประกาศกระทรวงและกฎกระทรวงที่จะเสนอ ควรต้องกำหนดวันใช้บังคับหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเวลาและมีโอกาสในการปรับเปลี่ยนธุรกิจ หรือ ดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นก่อนประกาศกระทรวงหรือกฎกระทรวงเหล่านั้นมีผลใช้บังคับด้วย