ผู้รับซื้อทุเรียนนับสิบราย รวมตัวเดินทางเข้าแจ้งความ เอาผิดเจ้าของสวนทุเรียน ใน อ.เมืองตราด พร้อมนายหน้าอีก 2 คน หลังหลอกทำสัญญาทับซ้อนนับสิบรายในสวนเดียวกัน สูญเงินมัดจำนับล้านบาท
เวลา 12.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ที่ สภ.เมืองตราด กลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียน (ล้งทุเรียน) ที่เป็นผู้เสียหายนับสิบราย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตราด ให้เอาผิดกับ น.ส.สุภาภรณ์ อายุ 45 ปี เจ้าของสวนทุเรียนแห่งหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ในพื้นที่บ้านปลายคลอง หมู่ 4 ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด พร้อมกับพวกที่เป็นนายหน้าอีก 2 คน คือ นายตั้ม (นายวาชนันท์ ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 35 ปี และนาง นก (น.ส.มนัสชนก ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี
โดยนายหน้าทั้งคู่เป็นผู้ที่นำผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนมาทำสัญญาตกลงซื้อขายทุเรียนกับน.ส.สุภาภรณ์ พร้อมมีการตกลงวางมัดจำกัน โดยนายหน้าทั้งสองมีการผลัดกันนำผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนดังกล่าวหลอกให้ทำสัญญาซื้อขายทุเรียนทับซ้อนกันหลายราย แต่ละรายมีการวางเงินมัดจำล่วงหน้ารายละ 80,000 -150,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลาตัดทุเรียนมีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่ได้ตัดทุเรียนไปน้ำหนักประมาณ 6 ตัน ส่วนผู้ประกอบการที่เหลืออีกนับสิบรายกลับไม่ได้ทุเรียน แถมยังต้องสูญเสียเงินมัดจำที่จ่ายไปล่วงหน้าไป รวมๆแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ประกอบการพยายามติดต่อ น.ส.สุภาภรณ์ เจ้าของสวนทุเรียน และติดต่อทั้งนายตั้ม และนาง นก นายหน้าทั้งสองแต่ติดต่อไม่ได้ จนทำให้ผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนได้รวมตัวกันมาแจ้งความในวันนี้
นาย สุรสิทธิ์ อายุ 50 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียน (หรือล้งรับซื้อทุเรียน) ที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นล้งที่มาจากจันทบุรี ตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ทำสัญญาตกลงซื้อขายกับ น.ส.สุภาภรณ์ เจ้าของสวน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 และจะเริ่มตัดเมื่อทุเรียนแก่หรือเปอร์เซ็นแป้งได้ตามกำหนด แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ได้ตัดทุเรียนเพราะถูกผู้ซื้อรายอื่นที่ทำสัญญาก่อนหน้ามาตัดไปก่อน ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายของตนเป็นการทำสัญญาทับซ้อน ซึ่งก่อนที่ตนจะเดินทางมาแจ้งความตนพยายามติดต่อ น.ส.สุภาภรณ์ เจ้าของสวน รวมถึงนายหน้าแต่ติดต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจมาแจ้งความตอนแรกก็คิดว่ามีการทำสัญญาทับซ้อนกัน 3-4 ราย แต่เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ จึงทราบว่ามีผู้เสียหายเคสเดียวกันนี้เป็นการทำสัญญาทับซ้อนอีกนับสิบราย โดยตนเองวางมัดจำไป 80,000 บาท ผู้เสียหายรายอื่นๆก็มีวางมัดจำไปเช่นกัน ตั้งแต่ 100,000 – 150,000 บาท รวมๆแล้วมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
นาย สุรสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้ตนเองโดนโกงในลักษณะนี้ไปแล้ว 8 สวน ติดตามได้เงินคืนมาแล้ว 3 สวน ดำเนินการแจ้งความไปแล้ว 3 สวน และอยู่ในระหว่างติดตามอีก 2 สวน จึงอยากฝากบอกชาวสวนที่ทำในลักษณะนี้ว่า หากไม่เลิกทำในลักษณะนี้ในปีต่อๆไป จะทำให้ชาวสวนดีๆเขาจะเสียโอกาส เพราะการทำสัญญาซื้อขายจะมีการวางเงินมัดจำ ซึ่งชาวสวนเองส่วนมากก็จะนำเงินมัดจำที่ได้ไปหมุนทำการซื้อปุ๋ย ซื้อยามาใส่บำรุงต้นทุเรียนขณะที่มีลูกก่อนจะทำการตัดขาย แต่หากมีการโกงกันในลักษณะนี้ ต่อไปผู้ประกอบการก็อาจจะไม่กล้าที่จะวางเงินมัดจำทำให้ชาวสวนที่ดีๆได้รับผลกระทบไปด้วย