ศก.โลกเริ่มฟื้นหนุนส่งออกเดือนเม.ย.พลิกบวก 6.8% มูลค่า 834,018 ล้านบาท กังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ขยายวงกว้างวันที่ 23 พ.ค.67 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน และ 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (834,018 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 6.8 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 11.4 การส่งออกของไทยพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีมุมมองว่า เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวที่ดีจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการผลิตทั่วโลก โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นหลายรายการ ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง แต่อานิสงส์ด้านราคาตามความต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรบางรายการยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การส่งออกไทย 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 1.4 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยขยายตัวร้อยละ 3.7
โดยมูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน 2567 การส่งออก มีมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,920.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.3 ดุลการค้า ขาดดุล 1,641.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 94,273.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 100,390.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.9 ดุลการค้า 4 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 6,116.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนเมษายน 2567 การส่งออก มีมูลค่า 834,018 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 903,194 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 14.2 ดุลการค้า ขาดดุล 69,176 ล้านบาท ภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 3,338,028 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 3,595,217 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.7 ดุลการค้า 4 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 257,190 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.0 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 12.7 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ขณะที่สินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ 3.8 กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 91.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ สหรัฐฯ และจีน) ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 36.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 14.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา ลิเบีย และอิสราเอล) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 52.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย และอิตาลี) ไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 17.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ไอร์แลนด์ และเยอรมนี) เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 10.5 กลับมาขยายตัวหลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ลาว และมาเลเซีย) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 21.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และลาว) และสิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 23.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเนเธอร์แลนด์)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 29.8 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ฮ่องกง สหรัฐฯ มาเลเซีย และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย และเมียนมา) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 9.6 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้ บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ และรัสเซีย แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และสหรัฐฯ) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 9.1 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เมียนมา และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และญี่ปุ่น) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ หดตัวร้อยละ 4.7 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดอินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย เมียนมา ฮ่องกง จีน และอินโดนีเซีย) ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.8
ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวร้อยละ 5.7 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน(หดตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น สิงคโปร์และเมียนมา แต่ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย อินเดีย ลาว และอินโดนีเซีย) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 9.2 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดสิงคโปร์ จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น เยอรมนี มาเลเซีย และเกาหลีใต้) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หดตัวร้อยละ 15.9 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดฮ่องกง เวียดนาม จีน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน) ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 1.8
อย่างไรก็ตามการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในเดือนเมษายน อาทิ (1) การส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร การบรรลุข้อตกลงขายข้าวล็อตแรก ในรูปแบบรัฐต่อรัฐกับอินโดนีเซีย ปริมาณ 55,000 ตัน โดยเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ตามนโยบาย “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ” นอกจากนี้มีการผลักดันให้ผู้ส่งออกกล้วยหอมทองจากจังหวัดนครราชสีมา ใช้สิทธิ์ตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ให้มากขึ้น มีเป้าหมายการส่งออกจำนวน 120 ตันต่อเดือน และมีแผนที่จะส่งออกให้ได้ถึง 8,000 ตันต่อปี ในอนาคต (2) การเจรจาความตกลงเพื่อเปิดตลาดสินค้าใหม่ ไทย-บังกลาเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทั้งสองประเทศร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเริ่มการเจรจา FTA ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยบังกลาเทศสนใจจะนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยเพื่อความมั่นคงทางอาหาร อาทิ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช และถั่วต่างๆ และ (3) การอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคการส่งออกผลไม้ไปจีน การหารือกับผู้ว่าการมณฑลยูนนาน เพื่อขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่าน 3 เส้นทางคือ ทางรถ ทางราง และทางเรือ ในช่วงฤดูการส่งออกผลไม้ของไทย
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังสามารถเติบโตได้ดีจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มบรรเทาลง ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในหลายประเทศ ขณะที่สภาพอากาศแปรปรวนสร้างแรงผลักดันต่อราคาสินค้าเกษตรและความต้องการนำเข้า เพื่อความมั่นคงทางอาหาร แต่กดดันปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มขยายวงกว้าง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และจะทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศเพื่อแสวงหาแนวทางสร้างโอกาสและลดอุปสรรคในการส่งออกต่อไป
#กระทรวงพาณิชย์ #เงินเฟ้อ #ข่าววันนี้ #ส่งออก