วันที่ 23 พ.ค.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยจะรับคำร้องของ 40 สว. เกี่ยวกับคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ว่า การจะตั้งใครมาเป็นรัฐมนตรีต้องพิจารณาคุณสมบัติ หากมีคุณสมบัติที่ไม่ได้ชัดแจ้งก็จะมีการถกเถียงกันได้ แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้สังคมก็รับรู้ว่านายพิชิตมีเรื่องของถุงขนม 2 ล้านบาท มีการถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ และอาจจะถูกคำพิพากษาจำคุก 6 เดือนด้วยซ้ำ ดังนั้นในเรื่องของจริยธรรมต่างๆ มีปัญหาแน่นอน
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งนายพิชิตก็มีปัญหาแน่นอนว่าสุดท้ายการตั้งก็อาจจะกระทบต่อการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี และหากพิจารณาต่อไปจะพบว่าการปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีการถามในลักษณะที่ไม่ครบถ้วน และทางคณะกฤษฎีกาก็ให้ข่าวเองว่าถามแค่ไหน ตอบแค่นั้น ซึ่งทำให้เห็นว่าการใช้อำนาจของนายกฯย่อมจะต้องถูกตรวจสอบได้ และจะทำให้นายกรัฐมนตรีมีปัญหาถึงขนาดว่าสามารถพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตนไม่แน่ใจว่าทีมกฎหมายที่ให้คำปรึกษานายกฯให้คำปรึกษากันอย่างไร ทำไมจึงตั้งนายพิชิต และต่อให้ไม่มีการไปยื่น ตนก็เชื่อว่ากรณีคุณสมบัติหรือสิ่งที่นายพิชิตเคยทำจะถูกตรวจสอบในสภาฯ โดยฝ่ายค้านแน่นอนว่าการตั้งบุคคลในลักษณะเช่นนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่รัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการตั้งรัฐมนตรีที่อาจจะมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมต่างๆ ขึ้นมา
”ผมแปลกใจที่คนของเพื่อไทยมีหลายคน แต่ทำไม จึงเลือกที่จะตั้งนายพิชิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผมคิดต่อว่ามีการวางยากันหรือไม่ คงเป็นปัญหาภายในของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีเสถียรภาพ และสิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือหลังจากที่มีการปรับครม. มีรัฐมนตรีลาออกถึง 3 คน และผมคิดว่าเรื่องนี้กระทบต่อทุกภาคส่วนที่สูญเสียความเชื่อมั่น เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ“ นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพยายามฟอกขาว ก่อนจะมีการตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่เป็นการฟอกขาว และหากดูจากปฏิกิริยาของคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่คิดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะไม่ทำตามสั่งซ้ายหันขวาหันของรัฐบาล แต่อาจจะมีกระบวนการบางอย่างที่อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีหลงเชื่อหรือไม่ เพื่อที่จะสามารถทำให้ตั้งนายพิชิตได้ โดยที่คำถามต่างๆ อาจจะถามไม่ครบ และคิดว่านายเศรษฐาซึ่งเป็นผู้ที่อาจจะมีประสบการณ์ทางการเมืองไม่มากนัก อาจจะไม่เท่าทันหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องดูกันต่อไป
“ผมคิดว่าวันนี้รัฐบาลควรเป็นตัวอย่างคือการตั้งคนที่มีคุณสมบัติ มีความสามารถ แต่ประเภทที่ตอบแทนการในเรื่องของบุญคุณกันมา เปลี่ยนผลัดกันไปทุก 6-7 เดือน ผมคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนนายเศรษฐา จะเป็นคนที่รู้จริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายรังสิมันต์ กล่าว