นายกฯ คอนเฟิร์มนัดถก ครม.เศรษฐกิจ นัดแรก 27 พ.ค. ห่วงปัญหาเศรษฐกิจ  เร่งดันจีดีพี ยันยังไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์  บอกกลับถึงไทยลุยงานต่อทันที ยอมรับเหนื่อยแต่ไม่มีปัญหา ทำเพื่ออนาคตลูกหลาน เลขาฯพท.ยัน "พิชิต" ไขก๊อกรัฐมนตรีเอง พรรคไม่ได้กดดัน  ด้านธีระะชัยหวั่นปมพิชิตไม่จบหาเหตุโยงนายกฯ ต่อ เชื่อไม่ลามถึงขั้นโหวตเลือกนายกฯใหม่ ซัด 40 สว. หวังเอาเผด็จการกลับมามีอำนาจ  ขณะที่"ดิเรกฤทธิ์" ยอมรับน้อยใจเพื่อนสว.ตำหนิ บั่นทอนกำลังใจปมยื่นสอบ"นายกฯ.-พิชิต" 

    
 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อวันที่ 22 พ.ค.67  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ  ซึ่งจะเรียกรัฐมนตรีและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน แต่ไม่ใช่เป็นการเรียกใครมาเพื่อต่อว่า แต่จะเป็นการมาพูดคุยหามาตรการ หรือไอเดียต่างๆ ที่จะต้องทำ ตั้งแต่เรื่องนโยบายและการผันเงินผ่านกรมบัญชีกลาง เรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาเรียกว่าเป็นการมานั่งแก้ไขปัญหากัน เพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือจีดีพีโตแค่เพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน
     
ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรคือสื่งที่รัฐบาลตั้งใจในไตรมาสสี่ หลังเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงมือประชาชน และคาดว่าจีดีพีจะโตขึ้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงมีส่วน แต่จะคอยไกลขนาดนั้นไม่ได้ ต้องเริ่มทำงานก่อน อย่างที่บอกว่าจีดีพีโตแค่ 1.5% ถ้าไม่มีภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราก็จะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันนี้น่าเป็นห่วง และยังมีอีกหลายเรื่องทั้งบัตรเครดิต หนี้เสีย และหนี้ครัวเรือน
     
เมื่อถามว่า จะมีโครงการระยะสั้นออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้เป็นที่มาของการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งต้องมานั่งคุยกัน และตนได้บอกทุกคนไปว่าเวลามาให้มีข้อมูล และมาด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมกับไอเดีย ไม่ได้ให้มาเพื่อที่จะสั่งว่าต้องทำอะไร การประชุมครั้งนี้คงยังไม่มีโครงการอะไรออกมาเซอร์ไพรส์แน่นอน ต่อไปจะมีการประชุมทุกสัปดาห์ อีกทั้งยังมีการประชุมวงเล็ก ซึ่งตนอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน จะมีทั้งภาคการค้าระหว่างประเทศ ภาคการเกษตร ภาคกฎหมาย ภาคนโยบายซึ่งต้องฟังทุกคน และมีข้อสรุปออกมา เมื่อถามว่า เหนื่อยหรือไม่ที่ต้องแบกความหวังคนไทยทั้งประเทศ นายเศรษฐา ตอบกลับทันทีว่า ไม่เหนื่อยครับ เต็มที่ครับ
   
  หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศครั้งนี้ ในวันที่ 25 พ.ค. และวันที่ 26 พ.ค. ผมจะลงพื้นที่ติดตามโครงการต่างๆทั้งในกรุงเทพมหานครและจ.พระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่าการทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนก็เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเหมือนกัน พยายามดูแลตัวเอง และออกกำลังกาย เหนื่อยแต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นการทำเพื่ออนาคตของลูกหลานรุ่นต่อๆไป 
    
 นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายพิชิต ชื่นบาน ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การลาออกดังกล่าว เป็นดุลพินิจของนายพิชิตที่อยากจะให้ทุกอย่างราบรื่น ตนเคารพการตัดสินใจของนายพิชิต หลังจากนี้ ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องที่  40 สว. ยื่นตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิชิตอย่างไร ส่วนกระแสข่าวมีการกดดันให้นายพิชิตลาออกนั้น  ไม่มี เป็นดุลพินิจของนายพิชิต ทางพรรคไม่ได้มีเรื่องการกดดันแต่อย่างไร นายพิชิตคงอยากให้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีราบรื่น จึงตัดสินใจลาออก
    
 นายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการลาออกจากตำแหน่งของนายพิชิตเพราะไม่ต้องการสร้างความหนักใจให้ทุกฝ่าย จึงเสียสละลาออกเพื่อตัดปัญหาความวุ่นวาย ทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร เรื่องนี้เป็นการมองคนละมุมในแง่กฎหมาย แต่ประชาชนจะมองอย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่การดำเนินการของ 40 สว.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐาและนายพิชิตนั้น เป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากกากเดนเผด็จการ คนกลุ่มนี้ต่อต้านพรรคเพื่อไทยและขบวนการประชาธิปไตย หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับเรื่องไว้วินิจฉัย ไม่อาจทราบได้ แต่ความตั้งใจของนายพิชิตอยากจะตัดไฟแต่ต้นลม ถ้าจบได้ก็ดี แต่ก็ไม่รู้จะจบหรือไม่ หมดนายพิชิตก็ไม่รู้จะหาเหตุคนอื่นต่อหรือไม่ ส่วนตัวยังตอบไม่ได้ว่า จะมีการโยงไปถึงนายกฯต่อหรือไม่ แต่ก็เกรงเหมือนกันจะหาเหตุไปถึงนายกฯ
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม  1 ใน 40 สว. ที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีระบุการลาออกของนายพิชิตไม่ช่วยตัดตอนความผิดให้นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้ตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี นายธีระชัย กล่าวว่า กลุ่ม 40 สว. เป็นพวกบักสีหาเหตุคือจะถูกหรือผิดก็หาเหตุทั้งปีทั้งชาติ ถูกก็ว่าผิด หรือผิดก็ให้เป็นถูก ต้องการชักจูงมือที่มองไม่เห็นเข้ามามีอำนาจต่อ ปลายทางคือ ต้องการกวักมือเอาเผด็จการกลับเข้ามาใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่าด้วยวิธีการใด แต่ดูแล้วคิดว่า สถานการณ์คงไม่ไปถึงขั้นโหวตนายกรัฐมนตรีใหม่แน่
   
  ด้าน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการลาออกจากรองประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ว่า ยอมรับน้อยใจในการทำงาน กรณี 40 สว.เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐาและนายพิชิต เป็นความตั้งใจดีในการทำงานเพื่อประเทศ  แต่กลับถูกเพื่อนสว.บางคนตำหนิผ่านสื่อในทำนองว่า ไม่สมควรทำ  เพราะสว.หมดวาระไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เหมือนกับเป็นการสร้างปัญหาให้ประเทศ ต้องการล้มรัฐบาล จินตนาการไปไกล การให้ความเห็นเช่นนี้ต่อสาธารณะเหมือนต้องการให้ความน่าเชื่อถือตนลดลง ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพกัน ทั้งที่ต่างคนต่างทำหน้าที่ เมื่อพิจารณาดูเวลาทำงานที่เหลือช่วงปลายสมัยจึงขอลาออกจากกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ส่วนตำแหน่งกมธ.อื่นๆยังคงทำงานต่อไป  
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ปรับความเข้าใจกับสว.ที่ให้สัมภาษณ์เชิงตำหนิแล้วหรือยัง นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ต้องเคลียร์ใจอะไร เป็นสไตล์การทำงานของบางคนที่เอาแต่ตำหนิคนอื่น ทำให้ประชาชนเข้าใจสว.คลาดเคลื่อน  "ผมตั้งใจทำงาน แต่ถูกบั่นทอนกำลังใจ ยืนยันว่าการยื่นตรวจสอบนายกฯและนายพิชิตเป็นการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่มีใบสั่งจากใครทั้งสิ้น"