"ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" ออกแถลงการณ์เดินหน้ายื่นประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง 19 ราย จี้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ออกมาสู้ตามกฎหมายนอกคุก หวังนิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคน อย่าให้มีชีวิตใดถูกกระบวนการยุติธรรมพรากไปอีก
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.67 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ยื่นประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง คืนสิทธิความเป็นคน คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คืนสิทธิประกันตัว ให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองที่อยู่ระหว่างต่อสู้คดี ลงวันที่ 22 พ.ค.67 ความดังนี้ ตั้งแต่ปี 2566 สถานการณ์ผู้ต้องขังคดีการเมืองเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ถูกดำเนินคดีในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคดีครอบครองอาวุธที่สืบเนื่องมาจากการเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เหตุจากทั้งคดีสิ้นสุดแล้ว และอีกส่วนหนึ่งไม่ได้รับสิทธิประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจนถึงวันที่ 14 พ.ค.67 ยังคงมีประชาชนถูกคุมขังในเรือนจำจากคดีที่แสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างน้อย 43 คน โดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดีจำนวนอย่างน้อย 26 คน และคดีถึงที่สุดแล้ว 16 คน (มีเยาวชนอีก 1 ราย ถูกคุมขังตามคำสั่งมาตรการพิเศษแทนการมีคำพิพากษาของศาล) ในจำนวนของผู้ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดีมีผู้ที่ถูกคุมขังจากคดีตามมาตรา 112 จำนวน 17 คน ตลอดจนมีผู้ต้องขังเสียชีวิตระหว่างต่อสู้คดีแล้วอีก 1 คน ส่วนในคดีครอบครองวัตถุระเบิด หรือวางเพลิงรถตำรวจ มีผู้ไม่ได้ประกันตัว รวม 9 คน
ในวาระครบรอบ 10 ปี ของการทำรัฐประหาร ยังมีประชาชนจำนวนมากถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง นำมาซึ่งการถูกดำเนินคดีทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในห้วงระยะเวลา 10 ปีผ่านมา บรรดาองค์กรทางกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ได้พยายามลบเลือนรอยร้าวของระบอบประชาธิปไตย โดยการนิรโทษกรรมให้กับคณะผู้ทำรัฐประหารที่ทำลายระบบนิติรัฐของประเทศอย่างไม่เหลือชิ้นดี และทิ้งไว้เพียงซากความเสียหายที่ประชาชนต้องแบกรับชะตากรรมทางกระบวนการอยุติธรรม ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
ผู้ต้องหาและจำเลยที่ถูกคุมขังที่กำลังเผชิญหน้ากับชะตากรรมทางคดีการเมืองที่ไม่มีท่าทีจะยุติลงในเร็วๆ นี้ ได้แจ้งความประสงค์ที่จะยื่นขอประกันตัวเพื่อใช้สิทธิของตนเองอีกครั้ง และเพื่อตอกย้ำให้สังคมได้เห็นว่ายังมีคนไม่ได้รับสิทธิประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและได้รับความเดือดร้อน รวมถึงยืนยันการผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรมกับผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคน และขอเรียกร้องให้องค์กรทางกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ยึดมั่นในหลักการและสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงกติการะหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี
ในวันที่ 22 พ.ค.67 ทนายความได้เข้ายื่นประกันตัวผู้ต้องขังที่แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิประกันตัว ทั้งหมด 19 ราย ได้แก่ อานนท์, ถิรนัย, ชัยพร, ประวิตร, มงคล, ขจรศักดิ์, คเชนทร์, ไพฑูรย์, สุขสันต์, อุกฤษฏ์, วีรภาพ, อุดม, กัลยา, จิรวัฒน์, ทีปกร, ณัฐชนนท์, ทานตะวัน, อัฐสิษฎ และสิรภพ โดยผู้ต้องขังได้ขอความช่วยเหลือเงินประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งเป็นเงินบริจาคของประชาชน ในการวางหลักประกันต่อศาล
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องขังคดีการเมืองรายอื่นๆ ที่ไม่ได้ยื่นขอประกันตัว เนื่องจากต้องการยุติการต่อสู้ทางคดีแล้ว และในกรณีของ เก็ท โสภณ ได้ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมจนกว่าผู้ต้องขังรายอื่นจะได้รับการประกันตัวทั้งหมด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งความหวังในการใช้ชีวิตข้างนอกของประชาชนที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำริบหรี่ เพียงเพราะคำสั่งประกันของศาลในลักษณะเช่นเดิมที่ว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของเพื่อนผู้ต้องขังที่เพิ่งเสียชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับอย่าง บุ้ง เนติพร กลายเป็นแรงผลักให้หลายคนต้องยืนหยัดในสิทธิการประกันตัวของตัวเอง และเพื่อให้พวกเขาได้กลับมามีอิสรภาพในชีวิตให้เร็วที่สุดอีกครั้ง จึงขอให้ศาลพิจารณาคืนสิทธิประกันตัว โดยหวังว่าจะไม่มีชีวิตใดต้องถูกกระบวนการยุติธรรมพรากชีวิตไปอีก