วันที่ 22 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางชุติมน หรือน้ำค้าง อายุ 40 ปี ชาวบ้านตากแดด ตำบลนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพนักงานขายอาหารในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ขณะขับรถจักรยานยนต์จะกลับบ้านหลังเลิกงาน แล้วมีรถเก๋งซึ่งมีครูสาวเป็นคนขับพุ่งออกมาจากข้างทางเพื่อจะเลี้ยวกลับรถ ทำให้รถ จยย.ของตนเองที่ขับไปทางตรงปกติชนเต็มแรง เหตุเกิดบนถนนสายนางรอง-ลำปลายมาศ ต.นางรอง อ.นางรอง ช่วงประมาณ 19.10 น. จนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งปอดฉีก ซี่โครงร้าว สะโพกหลุด และขาข้างซ้ายหัก ถูกนำส่ง รพ.นางรอง ต้องผ่าตัดรักษาขาซ้ายที่หัก รอบแรกนอนรักษาตัวนานถึง 14 วัน แล้วกลับมาทำกายภาพบำบัดพักฟื้นต่อที่บ้าน กระทั่งล่าสุด วันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ต้องผ่าตัดขาเป็นรอบที่สอง นอนรักษาที่ รพ.อีก 1 สัปดาห์ ใช้สิทธิ์ประกันสังคมในการรักษาตัวเอง 2 รอบกว่า 2 แสนบาท
ซึ่งตอนรักษาตัวที่ รพ.นางรอง ครูสาวคู่กรณีก็มาเยี่ยม และมาเยี่ยมที่บ้านอีก 2 ครั้ง มีการเจรจาตกลงค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวและค่าเสียโอกาสในการทำงานกัน โดยครูได้เสนอจะจ่ายให้เดือนละ 6,000 บาทเป็นเวลา 5 เดือน และเงินก้อนอีก 20,000 บาท เป็นการดูแลเยียวยาตามหลักมนุษยธรรม แต่ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 250,000 บาท แต่ครูคู่กรณีโอนให้เดือนละ 6,000 บาท 5 เดือน รวมเป็น 30,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 20,000 บาทไม่จ่ายตามที่รับปาก และหากอยากได้ตามที่เรียกร้องก็บอกว่าให้เป็นไปตามกฎหมาย
โดยเวลานี้ผ่านมา 9 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ทำให้ตนเองใช้ชีวิตด้วยความลำบาก เพราะทุกวันนี้ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันตลอด ไม่สามารถทำงานได้ต้องออกจากงานมาดูแลรักษาตัวเอง ทำให้ขาดรายได้ ทุกวันนี้ต้องหยิบยืมเงินญาติและเพื่อนบ้าน ซื้ออาหารกินประทังชีวิต และเลี้ยงดูหลานอีก 3 คน ที่พ่อแม่เขาทิ้งไว้ ตอนนี้ลำบากมากไม่รู้จะทำยังไงบางเดือนไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟต้องปล่อยให้เขาตัด อยากให้ทางคู่กรณีเห็นใจเพราะไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บโดยเฉพาะขาที่หักจะรักษาหายหรือไม่ สามารถทำงานได้ปกติเมื่อไหร่ แต่ครูยังได้ทำงานมีเงินเดือน ก็อยากให้ทางตำรวจเร่งรัด
จากการสอบถามพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า คดีดังกล่าวได้สอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้รอเอกสารยืนยันจากทาง รพ. เพื่อประกอบสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน แต่เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกันแล้ว เมื่อวันที่ 12 ต.ค.66 โดยเนื้อหาระบุว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าอุบัติเหตุ เกิดจากความประมาทของ น.ส.เอ คนขับรถยนต์เพียงฝ่ายเดียว ที่เลี้ยวตัดหน้าเพื่อจะกลับรถที่ไม่ใช้บริเวณที่มีเครื่องหมายให้กลับรถ เป็นเหตุให้รถ จยย.ของนางชุติมน ผู้เสียหาย ซึ่งเบื้องต้นผู้บาดเจ็บได้เรียกร้องค่าสินไหม 250,000 บาท หากได้รับการชดใช้จะไม่ติดใจทางแพ่งและอาญา
โดยฝ่าย น.ส.เอ รับทราบข้อเรียกร้อง แต่ประสงค์จะช่วยเหลือเป็นเงินในระหว่างที่ผู้บาดเจ็บ ยังช่วยเหลือตนเองในการทำงานไม่ได้ เป็นรายเดือนไปจนถึงปีใหม่ เดือนละ 6,000 บาท รวมระยะเวลา 5 เดือน และหลังจากนั้นจะช่วยอีก 20,000 บาท คู่กรณีก็ทราบข้อเสนอของฝ่ายผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่รับข้อรับเสนอ ซึ่งการตกลงเจรจาทางแพ่งทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการขั้นตอน
จากนั้นทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามครูสาวคู่กรณี ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุไปเยี่ยมดูแลผู้บาดเจ็บตลอด ทั้งจ่ายค่าทำขวัญ 3,000 บาท จากนั้นได้โอนให้อีกเดือนละ 6,000 บาท 5 เดือน และซ่อมรถให้อีกกว่า 1 หมื่นบาท ส่วนที่ยังไม่จ่าย 20,000 บาท เนื่องจากคู่กรณียืนกรานจะให้ชดใช้ 250,000 บาท จึงแจ้งทางคู่กรณี ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย รอให้ศาลตัดสินว่าต้องชดเชยเยียวยาเท่าไหร่ ก็พร้อมจะดำเนินการตามคำสั่งศาล ยื