ยังคงแผลงฤทธิ์ไม่หยุด หลังอาละวาดมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์ “เอชไฟว์เอ็นวัน (H5N1)” ในประเทศสหรัฐอเมริกา

แถมมิหนำซ้ำการแพร่ระบาดในรอบนี้ นอกจากพวกสัตว์ปีกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ปีกป่า และสัตว์ปีกบ้าน ตลอดจนสัตว์ปีกตามฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกรต่างๆ ที่ต้องติดเชื้อล้มป่วยตายและถูกฆ่าตายเพื่อกำจัดเชื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว ปรากฏว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ก็ยังลุกลามไปยังบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลายอีกต่างๆ ด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตามฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกรทั้งหลาย ก็พลอยฟ้า พลอยฝน ผจญชะตากรรมจากไข้หวัดนกที่พ่นพิษอาละวาดอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มเลี้ยงวัว และฟาร์มเลี้ยงแพะ ในพื้นที่ต่างๆ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่า พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากพบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ปีกทั้งหลายเมื่อช่วงก่อนหน้าไม่กี่เพลา

สร้างความวิตกกังวลให้แก่บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกข้างต้น ด้วยความหวั่นเกรงว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ดังกล่าว ได้กลายพันธุ์จนสามารถแพร่เชื้อลุกลามไปในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกนมข้างต้น นอกเหนือจากสัตว์ปีกทั้งหลายที่ง่ายต่อการติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดนี้ได้ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สมนามตามชื่อ “ไข้หวัดนก”

กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในฟาร์มวัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟาร์มโคนมในสหรัฐฯ มีข้อสันนิษฐานที่มาของโรคหลายประการด้วยกัน รวมถึงการติดเชื้อจากนกป่าอพยพทั้งหลายเป็นพาหะ แพร่เชื้อโรคให้แก่พวกโคเนื้อ โคนม ตามฟาร์มเลี้ยงต่างๆ

ตามการรายงานเบื้องต้น ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมและเมษายน พบว่า โคนมจำนวนนับสิบฝูงในพื้นที่รัฐต่างๆ ที่มีการติดเชื้อ เช่น ที่รัฐเทกซัส จำนวน 7 ฝูง รัฐแคนซัส 3 ฝูง รัฐนิวเม็กซิโก 2 ฝูง รัฐโอไฮโอ รัฐมิชิแกน และรัฐไอดาโอ จำนวนรัฐละ 1 ฝูง

ก่อนที่ในเวลาต่อมา มีรายงานพบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มเลี้ยงวัวต่างๆ อีกอย่างต่อเนื่อง

กระทั่ง ล่าสุด ณ ปัจจุบันนี้ ตามการประเมินของบรรดานักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนกแพร่ระบาดกระจายเชื้อออกไปตามฟาร์มเลี้ยงวัวต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็น 9 รัฐ และทำให้ฟาร์มเลี้ยงวัวที่ขึ้นทะเบียนมีใบอนุญาตแล้วมากกว่า 26,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ

นอกจากวัวในฟาร์มเลี้ยงที่ติดเชื้อแล้ว ก็ยังมีรายงานพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนงานฟาร์มเลี้ยงวัวด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของคนงานฟาร์มเลี้ยงวัวแห่งหนึ่งในรัฐเทกซัส ที่ถึงขั้น “ตาอักเสบ” เพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่อวัยวะตา ทั้งนี้ แม้ว่าตามรายงาน ระบุว่า พบการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในคนดังกล่าว เพียงรายเดียว แต่ก็ส่งผลให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ หรือซีดีซี ต้องเฝ้าระวังติดตามผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนงานเคราะห์ร้ายคนดังกล่าวอีกจำนวนกว่า 100 คน เพื่อติดตามอาการ เพราะหวั่นเกรงว่า เชื้อไวรัสร้ายจะแพร่ไปยังคนและสัตว์อื่นๆ อีก หากมีการติดเชื้อขึ้นมาหลังสัมผัส หรือใกล้ชิดกับคนงานโชคร้ายคนดังกล่าว

ความร้ายกาจของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวันนี้ ยังทำให้เกิดการปนเปื้อนใน “น้ำนมโค” ตามฟาร์เลี้ยงโคนมต่างๆ ในสหรัฐฯ อีกด้วย

สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนชาวสหรัฐฯ ที่นิยมบริโภคน้ำนมโคเป็นเครื่องดื่มประจำวัน ทันทีที่มีรายงานข่าวดังกล่าวออกไป

ก่อนที่มีรายงานอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ ว่า พบตัวอย่างอนุภาคของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวันในน้ำนมโค คิดเป็นร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 4 เลยทีเดียว

ส่งผลให้ทางหน่วยสาธารณสุขของสหรัฐฯ ต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ไข้หวัดนกปนเปื้อนในน้ำนมโคอย่างใกล้ชิด

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร รายงานข่าวที่ว่าน้ำนมโคปนเปื้อนเชื้อไวรัสไข้หวัดนกข้างต้น ก็ส่งผลต่อตลาดผู้บริโภคน้ำนมโคโดยทันที จากการประชาชนหวาดผวาว่า อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเขาในฐานะผู้บริโภค

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวธุรกิจน้ำนมโคในสหรัฐฯ ต้องนับว่ามีมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี โดยแต่ละปีนั้น ก็ทำเงินมากนับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่ผ่านมา ธุรกิจน้ำนมโคทำเงินได้มากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 2.2 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว

นอกจากธุรกิจน้ำนมโคแล้ว ล่าสุด ธุรกิจ “กอดวัว” ก็กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่อาละวาดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ด้วยเหมือนกัน

โดยธุรกิจ “กอดวัว” ข้างต้น ทางฟาร์มเลี้ยงวัวของเกษตรต่างๆ จะมีการลงทุนเพิ่มเพื่อทำให้คอกเลี้ยงวัว สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงวัว รวมการประดับประดาตกแต่งต่างๆ ที่ชวนดึงดูดใจแก่บรรดานักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพำนักอยู่ในคอกเลี้ยงวัวได้เป็นเวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมงขึ้นไป โดยนักท่องเที่ยว สามารถ “กอดวัว” และถ่ายรูปคู่กับวัวได้

นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับวัว ในกิจกรรมกอดวัว ที่ใช้บริการในฟาร์มเลี้ยงวัวแห่งหนึ่ง (Photo : AFP)

ทั้งนี้ ทางฟาร์มเลี้ยงวัวก็จะได้เงินเป็นค่าบริการจากบรรดานักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมต่างๆ กับวัวในฟาร์มเลี้ยงของตนอีกด้วย

ตามเกณฑ์อัตรามาตรฐานที่ฟาร์มเลี้ยงวัวเรียกเก็บบริการข้างต้น ก็อยู่ที่ชั่วโมงละ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 2,700 บาท) ซึ่งรายได้จากกิจกรรมนี้นั้น ทางเจ้าของฟาร์มเลี้ยงวัวบอกว่า ดีเลยทีเดียว ถึงขั้นไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าอาหาร เช่น หญ้าแห้ง เป็นต้น ให้แก่ฝูงวัวเหล่านั้นได้เป็นสัปดาห์ เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรมนี้เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ก็ส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวที่จะมาทำกิจกรรมนี้ลดลงไปอย่างมาก กอปรกับมีการแจ้งเตือนจากทางการว่า ขอให้ทางฟาร์มระงับกิจกรรมนี้ไปก่อน จนกว่าโรคระบาดจะซาไป เพราะหวั่นเกรงว่า นักท่องเที่ยวจะติดเชื้อไข้หวัดนกจากพวกวัวเหล่านั้น

นักท่องเที่ยวบางรายถึงขั้นจุมพิตกับวัว ในกิจกรรมกอดวัว (Photo : AFP)

มิใช่แต่ฟาร์มเลี้ยงวัวเท่านั้นที่ได้รับความเดือดร้อน แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวจะมาทำกิจกรรมกอดวัวนี้ ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะนักท่องเที่ยวที่จะมาทำกิจกรรมดังกล่าว จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อใช้การกอดวัว เป็นการบำบัดจิตใจ และอารมณ์เครียด ทำให้เกิดการผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ก็ต้องมีอันระงับไปด้วย