วันที่ 21 พ.ค. 2567 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 40 สว.ได้ยื่นคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯว่า
เป็นคนแรกที่ออกมาพูดเรื่องคุณสมบัติของนายพิชิต ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ซึ่งในรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ระบุว่า คนที่จะเป็นรัฐมนตรีจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และนายกฯก็ทราบช้อเท็จจริงและต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ดังนั้นนายกฯก็ถือได้ว่ามีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงเหตุเพราะรู้ข้อเท็จจริงดีว่าคุณสมบัติของนายพิชิต ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การที่อ้างว่าได้สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วนั้น ความจริงก็ปรากฎชัดว่าไม่ได้สอบถามในประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและเรื่องจริยธรรม ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้สามัญสำนึกของนายกฯในเบื้องแรกสำคัญที่สุด วิญญูชนพึงคิดได้ว่าการกระทำของคนที่จะเสนอเป็นรัฐมนตรีมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เมื่อ สว.ได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยแล้ว ก็ต้องเคารพกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่มีดุลพินิจในการวินิจฉัยใครจะไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คืออยากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิชิต และนายเศรษฐา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ที่ระบุไว้ชัดว่าเพื่อประโยชน์หรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ หากเห็นว่ารัฐมนตรีมีคุณสมบัติขัดต่อ มาตรา 160 ต้องร่วมกันตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสสุจริตในบ้านเมือง
“นายพิชิตไม่ควรลาออก และต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อสู้ให้เห็นว่าการกระทำของท่านรัฐมนตรีที่ศาลฎีกาเห็นว่า ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาล ยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป และให้จำคุกด้วย นายพิชิตก็ต้องสู้ในศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เห็นว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง และการกระทำทั้งหมดถุงขนม 2 ล้านนั้นเป็นการกระทำที่ซื่อสัตย์สุจริต อยู่บนหลักของจริยธรรม ผมไม่อยากให้นายพิชิตลาออก เป็นเพราะจะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี ในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต เรื่องนี้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย”นายราเมศ กล่าว