วันที่ 21 พ.ค.2567 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถีงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีการเคลื่อนไหวของทหารผ่านศึกว่า นายอนุสรณ์อย่าพูดเอาใจนายมากเกินไป จนลืมหลักการประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นายอนุสรณ์ไม่ต้องมาด้อยค่าพรรค พรรคมีศักดิ์ศรี และอย่าคิดเอาเสียงสนับสนุน 315 เสียงมาอ้าง แล้วบอกว่าพอแล้ว พูดในลักษณะมีเหตุจำเป็นอะไรต้องไปร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องถามกลับว่าคุณมีอะไรถึงมั่นใจขนาดนั้นประชาธิปัตย์มีมติแล้วหรือ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพื่อไทยที่มีคนสั่งได้แค่คนเดียว เพราะฉะนั้นพูดจาอะไรในทางการเมืองต้องระวัง ส่วนบุคคลว่าไปแต่ในส่วนพรรคต้องให้เกียรติกัน

“หลักการคิดในสังคมที่เจริญด้วยปัญญา เรื่องการทำงานร่วมกับใครไม่สลับซับซ้อนใครจะไปร่วมกับโจรที่ปล้นมากี่ครั้งโดนจับได้ดำเนินคดีติดคุกออกจากคุกมาปล้นอีก ถูกจับดำเนินคดีอีก พอพ้นโทษมาก็เตรียมโกงอีก แล้วจะมีใครไปร่วมขบวนกับโจรเพราะสุดท้ายก็รู้จุดจบดี แบบนี้เขาเรียกว่าประพฤติโกงเป็นอาจิณ ใครจะอยากเข้าไปร่วมทำงานด้วย” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์  สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงต้องให้เจ้าตัวตอบ แต่เท่าที่ติดตามการแถลงร่วมกับพี่น้องทหารผ่านศึกเหตุเพราะเขาได้ร่วมต่อสู้กันมาด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ทั้งการผลักดันการแก้กฎหมาย การเรียกร้องให้มีการปรับในเรื่องสวัสดิการเพื่อให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญรับฟังทุกกลุ่มประชาชนอย่างจริงจัง ทหารผ่านศึกมีจำนวนกว่า 300,000 คน ที่เขาไม่มีบำนาญ เขาเดือดร้อน เขามีข้อเสนอ เขาเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ เมื่อแถลงข่าวการที่ไม่ยอมรับการทำงานของรัฐบาลก็ถือว่าเป็นสิทธิ์พื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ องคาพายพของรัฐบาลต้องรับฟังไม่อยากให้ดิ้น เพราะสิ่งที่ประชาชนพูดเรียกร้อง ไม่ใช่น้ำร้อน แต่คนสอพลอมีเยอะก็ต้องปล่อยให้สอพลอเลียนาย เชื่อว่าประชาชนรู้เท่าทันคนเหล่านี้