สธ. ดันโมเดล “คลินิกคุณภาพ” รับมือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง – โรคหืด หลังยอดป่วยเข้า รพ.พุ่ง แนะ “เหนื่อยไอ หายใจติดขัด มีเสียงหวีด” รับบริการสถานพยาบาลใกล้บ้าน

วันนี้ (20 พ.ค. 67) นพ.สุรโชค  ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาพิเศษ “การบริหารนโยบายสุขภาพโดยเน้นคุณค่า สำหรับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคหืด“ ในการประชุมวิชาการเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (Easy Asthma and COPD Clinic Network annual meeting) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ โรงแรมเอเชีย กรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญดูแลสถานการณ์โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคหืด ผ่านกลไกคณะกรรมการ Service Plan สาขาโรคไม่ติดต่อ โดยเริ่มการจัดตั้ง “คลินิกคุณภาพ” ที่ให้บริการสุขภาพโดยเน้นคุณค่า (Value - based Healthcare) ทำให้ในปีที่ผ่านมาคลินิกคุณภาพมีการคัดกรองดูแลและจ่ายยาโรคหืดได้ สามารถดูแลผู้ป่วยจนลดการเข้าห้องฉุกเฉินและลดการนอน รพ. ลงอย่างมาก สอดคล้องกับนโยบายที่ สธ. เดินหน้าบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ เจ็บป่วยรักษาได้ครบถ้วนเหมือนกันทุกที่ ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่ แต่ได้รับการรักษาที่ “เข้าถึงง่าย ได้คุณภาพ” ตามแนวคิดของการจัดบริการคลินิกคุณภาพ ซึ่งคณะกรรมการ Service plan สาขาโรคไม่ติดต่อ ของสธ. จะร่วมถอดบทเรียนกับเครือข่าย EACC (Easy Asthma and COPD Clinic) ขับเคลื่อนโมเดลต้นแบบคลินิกคุณภาพ ทั้งยังช่วยลดความแออัดของสถานพยาบาล และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ของหน่วยบริการนั้น ๆ อีกทางหนึ่งด้วย

        

 

นพ.สุรชัย โชคครรชิตชัย ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนการพัฒนา "คลินิกคุณภาพ" ที่ให้บริการสุขภาพโดยเน้นคุณค่า (Value-based Healthcare) ซึ่งเป็นรูปแบบการบริการทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่ดี เกิดคุณค่าสูงสุดในการรักษาพยาบาล โดยขยายบริการไปถึงระดับปฐมภูมิ เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในเชิงรุก มีประสิทธิภาพ โดยจากการลงพื้นที่ร่วมกับเครือข่าย EACC เห็นการทำงานเชิงรุกอย่างเข้มแข็ง พบว่าหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จในการควบคุมโรคนี้ คือการบริการเฉพาะโรค โดยผู้ป่วยที่ผ่านการคัดกรองแล้วจะได้รับบริการในคลินิกคุณภาพเพียงจุดเดียว ไม่เสียเวลารอนาน ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิเข้ามาร่วมกับโรงพยาบาล ในการสร้างเครือข่ายคลินิกคุณภาพซึ่งเป็นการจัดบริการสุขภาพในโรคเฉพาะทางโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคหืด โดยมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรคนี้ด้วยแนวคิด “เข้าถึงง่าย ได้คุณภาพ” เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเป้าหมายลดการกำเริบและนอนรพ. ของผู้ป่วยให้ได้ 

ส่วน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ครม. อนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 2.36 แสนล้านบาท มีการอนุมัติค่าบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน และผู้ป่วยโรคหืด) วงเงิน 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.46% เพื่อให้หน่วยบริการในทุกระดับจัดบริการ ‘คลินิกคุณภาพ’ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดอย่างมีประสิทธิภาพผ่านกลไกการให้บริการคลินิกคุณภาพที่มุ่งเน้นให้บริการสุขภาพโดยเน้นคุณค่า เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการรับมือกับสถานการณ์โรคที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ สปสช. ในการกระจายการเข้าถึงบริการสาธารณสุข และการยกระดับคุณภาพหน่วยบริการให้สามารถจัดบริการคลินิกคุณภาพ เพื่อดูแลผู้ป่วยโรคหืดให้ ”เข้าถึงง่าย ได้คุณภาพ“ ตามแนวทางการดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่า ‘Value-based Healthcare’ (VBHC)

      

ขณะเดียวกัน รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (EACC) กล่าวว่า แนวทางการรักษาโรคหืดในปัจจุบัน ผู้ป่วยสามารถที่จะควบคุมอาการหอบของโรคหืดได้ หรือ ”หืดไม่จำเป็นต้องหอบ” หากดูแลรักษาตัวเองอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันมีการศึกษารองรับว่าการจัดบริการ ‘คลินิกคุณภาพ’ ที่ “เข้าถึงง่าย ได้คุณภาพ” อย่างกรณีศึกษาของเครือข่าย EACC สามารถลดการกำเริบเฉียบพลันและนอน รพ. ได้มากถึง 89% ถือเป็นโมเดลการรักษาที่มีทั้ง Simplify & Practical process นำไปปรับใช้ได้ง่าย ได้มาตรฐาน สามารถนำไปใช้ได้ในสถานพยาบาลทุกระดับ และทำโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ มีคุณภาพ, ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการรักษา และปัจจุบันผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาผ่านเครือข่าย EACC ตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลใกล้บ้าน กว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งพร้อมสนับสนุนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งสร้างเครือข่ายการให้บริการคลินิกคุณภาพให้เกิดขึ้นในสถานพยาบาลทุกระดับ โดยมุ่งหวังที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น และควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงของโรคได้อย่างยั่งยืน

นางมาเรีย คริสติช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GSK กล่าวว่า GSK ในฐานะบริษัทด้านชีวเภสัช (Biophama) มุ่งเน้นในการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผนวกกับเทคโนโลยี และความสามารถของบุคลากร เพื่อให้ก้าวนำการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชากร GSK พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้และแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดย GSK ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่ายมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางได้เข้าถึงบริการคลินิกคุณภาพได้อย่างทั่วถึง สามารถควบคุมอาการหอบของโรคหืดและลดอัตราการกำเริบรุนแรง ลดสถิติจำนวนการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินและการเข้านอนรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของ GSK และเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้