'ออม สุชาร์' เผยความรักในปัจจุบันทำให้กลายเป็นออมเวอร์ชันที่ดีขึ้น

20 พฤษภาคม 2567 06:28 น. สยามรัฐออนไลน์ บันเทิง

เมื่อ ออม สุชาร์ ได้มาเยือนรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจเพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรกพร้อมเปิดใจความรักในปัจจุบันทำให้กลายเป็นออมเวอร์ชันที่ดีขึ้น

วิถีการจีบของผู้บริหารเป็นอย่างไรบ้าง
ออม สุชาร์ : ทรงจิตวิทยานิดหนึ่งค่ะ คือตอนคุยกันจะมีแบบคุยไลฟ์สไตท์ทั่วๆไปอะไรอย่างนี้ใช่ไหมคะ แต่บางทีอยู่ดีๆเขาจะมีคำถามจิตวิทยามาถามเราสมมตินะคะ ออมพี่มีคำถามมานะเราก็ถามว่าคำถามจากไหนคะ เขาตอบคำถามจาก amp college (ยิ้ม) เราก็อ๋อ !! แอมป์ คือคิดขึ้นมาเองค่ะ คำถามเนี่ยก็จะเป็นคำถามแบบอย่างเช่น สมมตินะคะว่าถ้าเกิดออมจะจัดงานวันเกิดออมจะจัดธีมอะไร เราก็อะไรเนี่ยต้องการอะไร คือ วัดผลอะไรเนี่ย เราก็เป็นตัวเอง คือเราก็คิดอยู่แล้วว่าการที่เราจะคุยกับคนคนนี้เราต้องเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ คือ ถ้าชอบก็ชอบไม่ชอบก็ไม่ชอบจะได้ไม่ต้องอยู่ด้วยกันแบบอึดอัดค่ะ เราก็บอกว่าเราไม่จัดได้ไหมเพราะว่าเราทำงานเหนื่อยมากเลยเราไม่อยากจัดงานวันเกิดเขาก็ขำอะไรอย่างนี้ พี่ก็ไม่ชอบจัดงานวันเกิดเหมือนกันครับ ก็มีความคิดที่ตรงกัน

แล้วในระหว่างที่เรียนรู้กันไปครั้งนี้ ออม สุชาร์ คนเดิมกลับมาสิงร่างอยู่บ้างไหม
ออม สุชาร์ : แรกๆมีบ้างนะคะ เราก็ตั้งใจแล้วว่าถ้าเราคบกับคนใหม่เราต้องเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นนะ แต่มันก็จะมีบ้างค่ะ เวลาที่เกิดอารมณ์ขึ้นมาแต่ก่อนเราจะเป็นด้วยความที่บอกว่าขึ้นสุดไงคะ มันก็จะสุดที่ บางทีแบบนั่งอยู่บนรถเปิดประตูลงหรือว่าอยู่ที่บ้านเดินออกไปริมถนนเล่น MV อย่างนี้ค่ะ (แต่อันนั้นเมื่อก่อนนะคะ) แต่ตอนที่คบกับพี่แอมป์แรกๆเลยค่ะ มีหนึ่งครั้งคือนี่เลยเดินออกไปเล่น MV ริมถนนไม่พอใจอะไรสักอย่างค่ะ ก็โกรธมากๆโกรธมากเดินออกนอกบ้านไปเล่น MV อะไรอย่างนี้ค่ะ เขาก็ตามไปนิดหนึ่งแล้วบอกว่าจะไปไหนเราก็บอกว่าจะเดินกลับบ้านระหว่างบ้านเขาไปบ้านเราก็ประมาณ 4-5 กิโลค่ะ คือเราก็เดินไม่ไหวค่ะ (ยิ้ม) แต่เราก็เล่นใหญ่ไว้ก่อนค่ะ เล่นให้สุดที่ตรงไหนเราก็ไม่รู้เลยนะคะ เราก็คิดไปเรื่อยๆว่าจะสุดที่ตรงไหนดีเขาก็เดินออกมาถามว่าจะไปไหนเราก็บอกว่าจะกลับบ้านเขาบอกว่าถ้ากลับบ้านก็กลับดีๆเดี๋ยวพี่ไปส่งคือเขาก็พูดแบบมีความเป็นผู้ใหญ่หน่อย มีความนิ่งหน่อยแล้วก็ถ้าไม่อยากคบกันแล้วคือเราก็ดีๆคุยกันได้ดีๆอย่าทำแบบนี้มันอันตรายแล้วเรารู้สึกว่าจังหวะที่เขาพูดแล้วเราหันไปมองเราเห็นสายตาเขาเรารู้สึกว่าเขาเอาจริง คนนี้เอาจริงคือใช้วิธีนี้ไม่ได้ ไม่ง้อเลย ปกติสิ่งที่เราเคยโดนปฏิบัติมันจะมีคนเว้าวอนเรา โอ๋เราอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่นี่ไม่มีโอ๋เลยแล้วรู้สึกว่าเขาเอาจริงมากๆค่ะ ถ้าเกิดวันนั้นเราไม่นิ่งเป็นคนปกติก็คิดว่าก็คงไม่ได้คบกันยาวถึงวันนี้ค่ะ เพราะเราหันไปมองหน้าเขาแล้วเราก็เห็นสายตาที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว เหมือนมันระลึกได้ค่ะ แล้วเราก็บอกกับเขาว่าเราไม่กลับแล้วแล้วเราก็พูดกับเขาว่าเราไม่ยอมแพ้หรอกพูดออกมาเหมือนนางเอกยังไงก็ไม่รู้บ้าๆ (ยิ้ม) แต่เราก็ยังงงเลยนะคะ ว่าเราไม่ยอมแพ้อะไร

เวลาในอดีตที่ผ่านมาคบใครไม่ค่อยจะเปิดเผยทำไมกับคุณแอมป์เปิดเผย
ออม สุชาร์ : เพราะว่าพร้อมด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้เราเข้าใจว่า timing จริงๆ timing ทั้งในเรื่องของเวลาจริงๆ timing ทั้งในเรื่องของวุฒิภาวะคือมันอาจจะเป็นช่วงที่ความเป็นการทำงานแบบคู่จิ้นมันชาลงด้วยแล้วเราก็เติบโตขึ้นเหมือนอยู่ในวงการมาพักใหญ่ๆแล้วนะคะ เราว่าเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วเราน่าจะเปิดเผยได้แล้วค่ะ

ทุกคู่จะมีการเรียกซึ่งกันและกัน
ออม สุชาร์ : คือพี่แอมป์จะเรียกออมว่าตัวเล็ก ออมจะเรียกพี่แอมป์ว่าแฟ่นแฟน คือคุณพ่อพี่แอมป์เขาจะเรียกพี่แอมป์ว่าแอ่มแอ๊มเราก็เห็นว่าน่ารักดีเราก็เลยเรียกเขาว่าแฟ่นแฟนบ้าง

จากวันนั้นถึงวันนี้กี่ปีแล้วเอ่ย
ออม สุชาร์ : เข้าปีที่ 7 แล้วค่ะ สงบสุขค่ะ คือในระหว่างทางที่คบกันไม่มีอะไรที่เป็น toxic แบบที่ผ่านมาสำหรับชีวิตออมอยู่กันไปได้แบบนี้ คนก็ถามออมเรื่องแต่งงานออมรู้สึกว่า ณ ปัจจุบันความรักของออมค่ะ แม้ว่าออมจะแต่งงานไปออมก็ยังชอบที่จะมีวิถีแบบนี้ คือมันจะไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากนี้พิธีอะไรต่างๆจะไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปออมคิดว่า timing มีหลายองค์ประกอบการแต่งงานเป็นเรื่องของสังคมเรื่องของครอบครัว เรื่องของสิ่งที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยสิ่งที่อยู่ข้างหลังเราด้วย timing มันจะแมตช์กันตอนไหน ซึ่งออมรู้ว่าตอนนี้งานพี่แอมป์เยอะมากค่ะ เขามีสิ่งที่ต้องคิดสิ่งที่ต้องทำที่มันยากๆเยอะมากเลยเราไม่รู้ว่าเราไปอยู่จุดตรงเขาเราจะทำอะไรยากๆแบบนี้ได้ไหม เราก็เลยไม่ได้ถามหรือคาดคั้นว่ามันจะต้องปีนี้หรือมันจะต้องปีหน้าเพราะว่า at the end เราจะอยู่กันแบบนี้มันคือสิ่งที่ใช่สำหรับออมอยู่แล้ว แล้วการตั้งคำถามค่ะคือถ้าใช่ก็ดีใจ ถ้าไม่ใช่มันก็เกิดความทุกข์เราก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากจะสร้างความคาดหวังหรือสร้างอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกให้ความรู้สึกมันมีความทุกข์