เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พยายามดึงจังหวะในการปรับคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา1/1” ออกไป หลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจาก รมช.คลัง อีกคน จากที่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออก จาก รมว. ต่างประเทศ ไปเป็นคนแรก
เพราะเพิ่งมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ตามมาด้วย แต่งตั้ง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ที่อาจจะนับได้ว่าเป็น “เศรษฐา 1/2” ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ พร้อมกัน จึงถือเป็น ครม.“เศรษฐา 1/1“
ดังนั้น หากจะมีการ ทูลเกล้าฯ รมช.คลัง คนใหม่ หรือ รมช. ไม่ว่ากระทรวงใด 1 เก้าอี้ ในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) จึงอาจจะถี่ไปนิด อีกทั้งเป็นจังหวะที่ เศรษฐา ต้องเดินทางไปเยือนอิตาลี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นนานถึง 10 วัน
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติก็ยังคงฝุ่นตลบในการคัดคน จะมานั่ง เก้าอี้ตามโควตาที่ว่างลง
จึงไม่แปลกที่ เศรษฐา จะออกตัวว่า ยังไม่ได้คุยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในห้วงการลงพื้นที่และประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเจ้าภาพ แม้ว่าก่อนหน้านั้น เศรษฐา จะ ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะคุยกับพีระพันธุ์ ก็ตาม
อีกทั้งสถานการณ์การเมืองยังคุกรุ่น หลังจากที่ กฤษฎา เขียนจดหมายลาออก พร้อมถล่มการแบ่งงาน ที่ไม่ให้เกียรติกัน
การลาออกของ กฤษฎา จาก รมช.คลัง รวมทั้งการลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯ และรมว. พลังงานในรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังถูกจับตามองว่ามีความเชื่อมโยงกัน และเป็นปฏิกิริยา จากสายนายทุนของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่
หลังจากที่ พีระพันธุ์ ตั้ง “เสธ. หิ” ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ น้องรัก “บิ๊กตู่” เพราะเคยอยู่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) เป็นทหารเสือราชินีมาด้วยกัน อีกทั้งช่วยงาน พีระพันธุ์ มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มา เป็นผู้อำนวยการพรรคแทน พิชชารัตน์เลาหพงศ์ชนะ ซึ่งเป็นทีมเดียวของกับ สุพัฒนพงษ์
การที่ พีระพันธุ์ ดึง ดร.หิมาลัย เข้ามาช่วยงานพรรค เต็มตัว และมีตำแหน่ง เป็นการสะท้อนถึงความพยายามในการกระชับอำนาจในพรรคให้แข็งแกร่งขึ้นเพราะ ดร.หิมาลัย ถือเป็นมือทำงานคนสำคัญและได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ มายาวนาน ถึงขั้นที่ยอมแยกทางกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 25 ที่สนิทสนมและทำงานด้วยกันมานาน เพื่อที่จะมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ช่วงที่มีปัญหากับ ร.อ.ธรรมนัส ที่พยายามล้ม พล.อ.ประยุทธ์
ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรครวมไทยสร้างชาติจึงส่งผลต่อการจัดสรรเก้าอี้ รมช. ที่ว่างอยู่ และจัดเป็นตัวสะท้อนว่าในที่สุดแล้วสายใดในพรรครวมไทยสร้างชาติจะแข็งแกร่งที่สุด ด้วยปัญหาเช่นนี้จึงเป็นไปได้ยากยิ่งพรรครวมไทยสร้างชาติจะยอมสละโควตาให้มี รมช.กลาโหม ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว. กลาโหมหรือนายทหารคนอื่น เพราะถือว่า เป็นคนนอก แม้ว่าจะเป็นน้องรัก ของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตามที
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในสถานภาพที่ไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองหรือพรรคการเมืองได้แต่ด้วยความเป็นผู้นำจิตวิญญาณและเป็นที่เคารพรักของทุกคนทุกขั้วในพรรครวมไทยสร้างชาติจึงอาจต้องมีการพึ่งบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
แม้ว่าระหว่างขั้วอนุรักษ์นิยมกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกเชื่อว่ามีดีล หรือสัญญาใจ ที่จะให้ทหารมาคุม กลาโหมโดยเฉพาะมีชื่อ พล.อ.ณัฐพล เป็นตัวแทนมาตั้งแต่ต้น แต่ ทักษิณ ก็ยื้อเวลาด้วยการ ให้ สุทิน คลังแสง มาเป็น รมว. กลาโหมพลเรือน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลพลเรือนมารระยะหนึ่งไปก่อน
แต่การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ สุทิน ก็ยังคงเป็น รมว.กลาโหมต่อไป โดยที่ เศรษฐา ก็ไม่ได้มาควบ รมว.กลาโหม แถมยังแต่งตั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ มือขวาของ ทักษิณ มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และคุมกลาโหมอีกด้วย เสมือนเป็นการอุดช่อง ที่จะให้ฝ่ายทหารมาคุมกลาโหมโดยตรง
แม้ว่า ก่อนหน้าการปรับคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาเคยมีความพยายามจากขั้วอนุรักษ์นิยมต่อรองให้เอา กฤษฎา ออกแล้ว เปลี่ยนโควตาจาก รมช. คลังมาเป็น รมช.กลาโหม แต่ กฤษฎา ถือว่าแบคอัพแข็ง เพราะเป็นสายตรงกลุ่มทุนเช่นกัน จึงยังเหนียวและทำให้ พล.อ.ณัฐพล ไม่ได้มาเป็นรมช.กลาโหม
แต่เมื่อ กฤษฎา จะลาออก ก็ถือเป็นจังหวะที่เหมาะ ที่จะตั้ง พล.อ.ณัฐพล เป็น รมช.กลาโหม ได้ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจาก พรรคเพื่อไทย อีกทั้ง สุทิน เอง ก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมี รมช. กลาโหม เพราะมีทีมงานเพียงพอแล้ว อีกทั้ง ภูมิธรรม ยังมาช่วยดูแลความมั่นคงและกลาโหมเพิ่มอีกด้วย ประกอบกับปัญหาภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงทำให้เก้าอี้โควตาที่ว่างอยู่1 เก้าอี้ยังคงไม่ลงตัว
แต่การทวงดีล ของคีย์แมนขั้วอนุรักษ์นิยม ในการผลักดัน พล.อ.ณัฐพล มานั่ง รมช.กลาโหม ยังคงมีต่อไป ตราบใด ที่ สัญญาของ ทักษิณ กับ ขั้วอำมาตย์ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง แม้จะยาก และมีโอกาสที่จะถูกเบี้ยวสูงก็ตามที