คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยที่ “ศาสตราจารย์ดร.อัลลัน ลิชท์แมน” (Alan Litchman) ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา แห่ง “มหาวิทยาลัยอเมริกัน” ที่ท่านได้คิดค้นสูตร 13 ข้อ ที่ใช้เป็นหลักในการทำนายการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้อย่างแม่นยำในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา โดยท่านทำนายแตกต่างจากนักวิชาการ และบรรดาสำนักหยั่งเสียงแทบทุกๆสำนัก
และถึงแม้ว่าการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของปีค.ศ. 2024 จะยังคงเหลือเวลาอีกแค่เพียงห้าเดือนกว่าๆก็ตาม แต่ศาสตราจารย์ลิชท์แมนได้ประเมินออกมาล่วงหน้าแล้วว่า ขณะนี้ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ยังมีความได้เปรียบมากกว่า “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”เนื่องมาจากยังอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตามดร.ลิชท์แมน ออกมากล่าวว่า พร้อมที่จะทำนายล่วงหน้าสองเดือนเต็มๆก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ซึ่งก็คือศาสตราจารย์ท่านนี้จะทำนายผลในราวๆเดือนสิงหาคมนั่นเอง!!!
แต่ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสามารถเข้าไปถึงหลักชัยได้นั้น เขาจำต้องผ่านอุปสรรคที่เปรียบเสมือน “ฝ่าด่านอรหันต์”สำคัญๆ 4 ด้านให้ได้เสียก่อน
ทั้งนี้ดร.ลิชท์แมนได้อธิบายว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำอันเด็ดเดี่ยว ที่ไม่เหมือนกับประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่สี่สมัยเยี่ยง “ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี.รูสเวลท์” และ “ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี” แถมที่ผ่านๆมาประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังไม่สามารถนำพรรคเดโมแครตเอาชนะการเลือกตั้งในสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด เมื่อปีค.ศ. 2022 ปล่อยให้เวลาเกือบสองปีที่ผ่านมานี้พรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะจนมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ปัจจัยสำคัญเรื่องแรกก็คือ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ลูกชายคนที่สามจาก 11 คนของ “วุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี” ผู้เป็นน้องชายของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี นั่นเอง
โดยแรกเริ่มเดิมทีโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี เคยสังกัดอยู่ในค่ายพรรคเดโมแครตเดียวกันกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเขาก็ได้ออกมาประกาศว่า จะลงเลือกตั้งแข่งขันท้าชิงกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจถอนตัวลาออกจากพรรคเดโมแครต แล้วหันไปลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ สังกัดอยู่ในค่ายพรรคอิสระ ซึ่งเป็นที่นิยมของวัยรุ่นหนุ่มสาว แถมเขายังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักธุรกิจไฮเทคกระเป๋าหนัก อีกทั้งตำนานการเมืองของ “ตระกูลเคนเนดี”ยังเป็นที่นิยมชมชอบของชาวอเมริกันอย่างสูง โดยเป็นที่คาดเดากันว่าค่ายพรรคอิสระนี้อาจจะดึงเอาคะแนนของทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปรับประทานอีกด้วย
และถึงแม้ว่าสมาชิกในตระกูลเคนเนดีแทบทั้งหมดต่างออกมารวมตัวผนึกพลังสนับสนุนประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างออกนอกหน้าก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี มีท่าทีสบายๆ มิได้แสดงอาการวิตกกังวลสะทกสะท้านแต่อย่างใดเลย
และถึงแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะออกมายื่นข้อเสนอในตำแหน่งรองประธานาธิบดีให้แก่โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ก็ตาม แต่เขากลับส่ายหัวกล่าวปฏิเสธ แปลได้ว่า เขามีจิตวิญญาณการเป็นนักต่อสู้เหมือนดั่งเช่นผู้บิดา ที่เขาอาจจะหวังและต้องการจะเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์การเมือง ที่มองๆไปแล้วเขาเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามอีกคนหนึ่ง ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่สามารถเผอเรอมองข้ามไปได้!!!
ส่วนจุดเสี่ยงอันตรายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ก็คือ การประท้วงของนักศึกษาทั่วสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนอิสราเอล โดยบรรดานักศึกษาออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯตัดความช่วยเหลือที่ให้กับอิสราเอล และพวกเขาก็ยังออกมาเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯตัดความช่วยเหลือด้านเงินบริจาคแก่อิสราเอลอีกด้วย
และหากการประท้วงของนักศึกษายังคงยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมที่กลุ่มวัยรุ่นคนหนุ่มสาวจะมีให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างแน่นอน
ส่วนอุปสรรคที่สามของประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็คือความขัดแย้งที่มีกับ "นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู”ของอิสราเอล ที่ถือได้ว่านายกฯเนทันยาฮูเป็นนักการเมืองขวาจัดตกขอบที่สั่งทิ้งระเบิดบอมบ์บริเวณเขตฉนวนกาซาและสั่งสังหารฆ่าชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 35,000 ราย โดย70% ของผู้เสียชีวิตต่างก็เป็นพลเรือนและเด็กๆตาดำๆผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ (ข้อมูลจากสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีซี นิวส์ วันที่ 12 พฤษภาคม 2024)
โดยอิสราเอลใช้อาวุธที่สหรัฐฯส่งไปให้การสนับสนุนช่วยเหลือไปกระหน่ำที่บริเวณเมืองราฟาห์ จนทำให้ชาวบ้านหลายๆหมื่นคนตื่นตระหนกตกใจที่เห็นชาวปาเลสไสตน์กว่าหนึ่งล้านคนต้องกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย!!!
และเมื่อวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2024 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมากล่าวเตือนนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ว่า ไม่ต้องการให้อิสราเอลโจมตีในเมืองราฟาห์ แต่กลับปรากฏว่านายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กลับแสดงท่าทีเพิกเฉย ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องออกมายื่นคำขาดว่า “ตั้งแต่บัดนี้สหรัฐฯจะยุติการส่งอาวุธบางประเภทให้แก่อิสราเอล”
เกือบจะทันทีทันใดนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูก็ได้ออกมากล่าวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “หากมีความจำเป็นจริงๆ อิสราเอลก็สามารถจะยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเองได้เพียงลำพัง”
การออกมายื่นคำขาดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่ออิสราเอลในครั้งนี้ นับเป็นการจุดประเด็นต่อการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่มีระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอล นับตั้งแต่การเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.2023
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯออกมากล่าวคำขู่ต่ออิสราเอล ในเรื่องที่ไม่ต้องการให้อิสราเอลบุกรุกไประรานบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเดือนมิถุนายน ปีค.ศ.1981 ที่ครั้งนั้น ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เพิ่งจะก้าวเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีได้แค่เพียงห้าเดือน โดยครั้งนั้นอิสราเอลได้นำเครื่องบินรบ F-16 ที่ผลิตในสหรัฐฯบินไปทิ้งระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ในอิรัก ที่ได้สร้างความแปลกใจต่อประธานาธิบดีเรแกนเป็นอย่างยิ่ง
แถมต่อมาอิสราเอลยังได้โจมตีทางอากาศในย่านชุมชนที่ชาวปาเลสไตน์พำนักอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่นในเลบานอน โดยครั้งนั้นมีประชาชนชาวบ้านและลูกเด็กเล็กแดงต้องเสียชีวิตไปกว่า 300 ราย ซึ่งเป็นผลให้ครั้งนั้นประธานาธิบดีเรแกนสั่งยึดเครื่องบิน F-16 จำนวนสิบลำ และเครื่องบินขับไล่ F-15 สองลำที่ส่งมอบให้แก่อิสราเอลกลับคืนมา!!!
และเมื่อประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เห็นภาพที่ชาวบ้านและเด็กๆต้องถูกสังหารอย่างโหดร้ายทารุณ เขาก็อดรนทนไม่ได้ถึงกับสั่งให้เลขาฯของเขายกโทรศัพท์ไปหานายกรัฐมนตรีเบกินและเอ่ยปากกล่าวตำหนิติเตียนออกไปว่า “การกระทำเยี่ยงนี้ มันเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันชัดๆ” (ข้อมูลจากนิวยอร์กไทมส์ วันที่ 10 พฤษภาคม 2024)
โดยในขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีเบกิน ยอมรับฟังแต่โดยดี และเมื่อทั้งคู่เสร็จสิ้นการสนทนาวางหูโทรศัพท์ไปแค่เพียง 20 นาที ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีเบกินยกหูโทรศัพท์โทรกลับมาบอกว่า “ข้าพเจ้าสั่งห้ามมิให้มีการโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว”
ส่วนอุปสรรคที่สี่ก็คือ เรื่องของสงครามยูเครนที่มีความยืดเยื้อมาอย่างช้านาน โดยที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกหน้าให้การสนับสนุนยูเครนมาแล้วอย่างเต็มที่ และล่าสุดนี้สภาคองเกรสก็ได้อนุมัติงบประมาณให้แก่ยูเครนไปกว่า 95 พันล้านดอลลาร์ ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นเห็นได้ค่อนข้างเด่นชัดแล้วว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”กำลังเผชิญกับอุปสรรคที่ถาโถมเข้าไปหาหลายๆด้าน โดย “ศาสตราจารย์ดร.อัลลัน ลิชท์แมน” ออกมาแสดงเจตจำนงค์ว่า พร้อมที่จะทำนายว่า ใครคือผู้ที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไปในเดือนสิงหาคม เพราะฉะนั้นเราก็คงจะต้องตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำทำนายกันต่อไปว่าจะแม่นยำเหมือนครั้งอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ละครับ