“สายน้ำ” คาใจราชทัณฑ์แถลงไม่ตรงกัน กรณีช่วยชีวิต “บุ้ง ทะลุวัง” ขณะเกิดเหตุ หวั่นหลักฐานถูกทำลาย ระบุเหตุการณ์นี้สะท้อนแล้วว่า รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีความพร้อมทางการแพทย์ “สุดท้ายเพื่อนก็ตายในอ้อมอกราชทัณฑ์”

วันที่ 16 พ.ค.2568 ที่ศาลา 7 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กทม. นายนภสินธุ์ ตรียาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมืองในฐานะเพื่อนของ น.ส.เนติพร กล่าวภายหลังกรมราชทัณฑ์ออกมาแถลงเกี่ยวกับการเสียชีวิตโดยบอกว่า คาใจหลายประเด็น และมองว่าก่อนที่ราชทัณฑ์จะแถลงควรเตรียมตัวและมีหลักฐานที่แน่ชัดมากกว่าการที่แถลงแล้วพูดไม่เหมือนกัน ไม่ยอมระบุรายละเอียดใดใดเลย มองว่ายิ่งทำให้เรื่องน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก ขณะที่อีกคนบอกว่าปั๊มหัวใจตรงนั้นเลย ด้านอีกคนบอกว่าพาตัวลงไปปั๊ม แล้วพาลงไปอย่างไร มีการประคองหรือไม่ หรือทำถูกหลักการหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสงสัยกันอยู่

เมื่อถามว่าตามหลักการช่วยชีวิตคน ควรปั๊มหัวใจให้ขึ้นก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายหรือไม่ นายนภสินธุ์ ระบุว่า ตนไม่ได้เรียนด้านการแพทย์มา แต่เท่าที่รู้ หากจับสัญญาณชีพไม่ขึ้นควรที่จะ PCR โดยทันที โดยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมทุกอย่างที่ราชทัณฑ์บอก  ซึ่งไม่ได้มีการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจในการช่วยชีวิต ซึ่งสิ่งเป็นมาตรฐานโรงพยาบาล และบางสถานที่ เช่น มหาวิทยาลัยฯ และที่สาธารณะอื่นๆก็มีเครื่องนี้แล้ว ซึ่งราชทัณฑ์บอกว่าไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้ ตนเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้ใช้

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า กล้องวงจรปิดจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่างว่า ขั้นตอนในการกระทำทำให้คุณหรือไม่ ใครเป็นคนกระทำ ใครเป็นคนปั๊มหัวใจ และปั๊มถูกวิธีหรือไม่ ปั๊มนานเท่าไหร่ต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุจนไปถึง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ หรือไม่ รวมทั้งสัญญาณชีพขณะนั้นเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้มองว่าต้องมีข้อมูลและรายละเอียดที่เป็นหลักฐานออกมา เราถึงตรวจสอบและยืนยันกันได้

เมื่อถามถึงกรณีที่ราชทัณฑ์ระบุว่า หลังจากที่ส่งตัว น.ส.เนติพร จาก รพ.ธรรมศาสตร์กลับไปรักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 4 เมษายน น.ส.เนติพร ได้กินข้าวตลอด เช่น ข้าวต้ม ไข่เจียว ฯลฯ และอยู่อย่างสุขสบาย ประเด็นนี้ นายนภสินธุ์ กล่าวว่า “ถ้าสุขสบาย เพื่อนผมคงไม่ตาย หากบอกว่าสุขสบาย อยากถามว่าสุขสบายยังไงถึงทำให้ตอนนี้ผมมาอยู่ที่วัดได้” ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะกินหรือไม่กิน สุดท้ายเพื่อนก็ตายในอ้อมอกและการดูแลของราชทัณฑ์

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้สงสัยทุกประเด็นและยังไม่ตัดประเด็นใดออกจนกว่าจะมีรายละเอียดออกมา แต่บอกได้ชัดเจนว่าผลการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ครั้งนี้ มาจากการคุมขังโดยไม่ชอบจนทำให้เข้าไปอยู่ในเรือนจำและเสียชีวิต 

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ประชาชนคงได้เห็นกับตัวแล้วว่าการที่ราชทัณฑ์ดูแลอดีตนายกรัฐมนตรีแบบ และดูแลเพื่อนของตนอีกแบบหนึ่ง คงเป็นตัวบ่งชัดที่ดีว่ามีการดูแลสองมาตรฐานหรือไม่

นายนภสินธุ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากฝากให้รัฐบาลบอกกรมราชทัณฑ์ว่าให้เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ และให้ส่งมอบให้ทางครอบครัวหรือทนายความ เพื่อนำมาใช้ในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น เพราะส่วนตัวกังวลว่าหลักฐานจะถูกทำลาย เนื่องจากว่าหลักฐานส่วนใหญ่เป็นกระดาษ เพราะในอดีตที่ผ่านมาสำหรับคดีใหญ่ๆก็มีการถูกทำลายหลักฐานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเอกสาร หรือกล้องวงจรปิด

เมื่อถามถึงประเด็นที่ราชทัณฑ์ส่งตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องขังคดีป่วนขบวนเสด็จ มารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เพราะว่ากลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีการพยายามขอมารักษา แต่ บางครั้งก็อนุญาตให้มาก่อนจะให้ส่งตัวกลับ นายนภสินธุ์ กล่าวว่า มองว่าราชทัณฑ์เคยมาเสมอว่า รพ.ราชทัณฑ์ เพียบพร้อมในการดูแลแต่ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมนั้นแล้ว 

ขณะเดียวกันวันนี้มีนักกิจกรรมหลายคน เช่น รุ้ง ปนัสยา และมายด์ ภัสราวลี เข้ายื่นหนังสื่อที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและชี้แจงอย่างโปร่งใสนั้นส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครเลยเพราะยุ่งกับการจัดงานศพ  คิดว่าหลังจากนี้อาจจะมีการพูดคุยกัน