วันที่ 16 พ.ค.2567 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และหน่วยง่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่(นักบินตายแทน) ในห้วง 2 อาทิตย์ ทลาย 15 เครือข่าย ผู้ต้องหา 42 คน ยึดยาบ้า 37,286,000 เม็ด และ ไอซ์ 942 กก., เฮโรอีน 80 กก. และ คีตามีน 70 กก. ยึดรถยนต์ 25 คัน และ รถจักรยานยนต์ 3 คัน

ทั้งนี้ พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) พร้อมด้วยพลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบยาเสพติด และผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รนม.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดของในห้วงวันที่ 29 เมษายน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567  โดยกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ( บก.สกส ) มีผลการจับกุมจำนวน 7 คดี  กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 จำนวน 2 คดี กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 จำนวน 2 คดี กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 จำนวน 4 คดี รวม 15 เครือข่าย  โดยส่วนใหญ่จับกุมในพื้นที่ของภาคเหนือตอนล่าง, ภาคกลางตอนบน หรือกรุงเทพมหานคร 

โดย พลตำรวจโทสำราญ กล่าวว่า  ทางกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายขอนายกรัฐมนตรี ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติการสกัดกั้นไม่ให้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดนเข้ามายังพื้นที่ชั้นในของประเทศ หากเล็ดลอดเข้าไปได้ก็จะมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดเพื่อป้องกันและไม่ให้ยาเสพติดแพร่ระบาดไปสู่ชุมชนและพี่น้องประชาชน และหลังจากนี้ หลังจากนี้จะต้องดำเนินการตรวจสอบยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมด ไม่ว่าของกลางทางคดี รวมถึงการยึดทรัพย์ตามมูลค่า ที่ได้จากการกระทำความผิด 

พร้อมกันนี้ยังฝากไปถึงผู้ปกครองให้กวดขันดูแลเยาวชนไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านและใช้เยาวชนเป็นตัวแทนในการส่งหรือจำหน่ายยาเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่  และขอให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานที่ติดยาเสพติดให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดด้วย

ด้านพลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันวางยุทธศาสตร์ในการสกัดกั้นแนวชายแดนพื้นที่ตอนในอย่างเข้มงวดเด็ดขาด ทำให้ 1 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้แล้ว 30 เครือข่าย และ 7 เดือนที่ผ่านมา ด่านตรวจสกัดต่างๆ สามารถสกัดกั้นจับกุมยาเสพติดได้มากกว่าปีที่แล้วทั้งปี แม้ยังมียาบ้าที่ทะลักเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีความต้องการในประเทศอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าจะต้องดำเนินการทำลายทั้งขบวนการให้มากที่สุด โดยเฉพาะการสร้างอุปสรรคและเพิ่มต้นทุนในการลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ตอนใน หรือชุมชนให้ขาดตอน และนำผู้เสพเข้าบำบัดให้มากที่สุด เชื่อว่าจะสามารถลดปริมาณการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้ภายใน 3 เดือน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีภายใต้ ขณะนี้ ยืนยันว่าเริ่มเห็นผลแล้ว  

ส่วนมาตรการป้องกันเยาวชนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการค้ายาเสพติดนั้น หลังจากนี้จะต้องหารือกับศาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปรับอายุของผู้รับโทษในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้ต่ำลง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าหลังส่งตัวเข้าสถานพินิจแล้วมักหวนมากระทำความผิดซ้ำอีก

ซึ่ง พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกัญชาที่ถูกกฎหมายและไม่ได้มีการควบคุม จากการทำงานของตำรวจที่ลงพื้นที่พบว่า กัญชาเป็นต้นตอที่จะนำผู้เสพไปใช้ยาเสพติดประเภทอื่น ซึ่งกัญชามีฤทธิ์หลอนประสาท ไม่ใช่เรื่องดีทำให้เกิดปัญหาตามชุมชนต่างๆ แต่หากมีการควบคุมนำไปใช้ในทางการแพทย์ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี จากการตรวจสอบผู้ที่มาบำบัดรักษาจากการเสพติดกัญชานั้นมีจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลก็ได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้จึงมีการดำเนินการขั้นตอนการพิจารณาควบคุมกัญชาให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น เบื้องต้นหากมีประกาศจากรัฐบาลเมื่อไร ทางตำรวจพร้อมปฏิบัติการจับกุมผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ค้า และผู้ที่มีไว้ในครอบครองทันที