วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.30 น.ร.ต.อ.จิรันธนิน กลิ่นนิรัญ  รอง สว.(สอบสวน)สน.สำเหร่ รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านไม่มีเลขที่ ซอยกรุงธนบุรี 6 แยก 9 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ. ธนา มะลิงาม ผกก.สน.สำเหร่ พ.ต.อ.ชโลธร วัฒนะโชติรอง ผกก.สส. พ.ต.ต. พิเชษฐ์ ขันเงิน สว.สส.สน.สำเหร่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

เหตุเกิดอยู่สุดซอยกรุงธนบุรี6 แยก 9 เป็นพักไม่มีเลขที่พบนายวิสูตร   อายุ 74 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่ในสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือด มีบาดแผลถูกมีดฟันที่แขนซ้าย2 แผล ตื่นตระหนกลนลาน เมื่อสอบถามถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ นายวิสูตร ปฏิเสธว่าไม่มี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นผ้าใบที่ปูอยู่ที่พื้นและคลุมอยู่ที่บ่อน้ำกว้างประมาณ 1.5 เมตรลักษณะผิดปกติ จึงได้เปิดดู พบกองเลือดจำนวนมาก มีดทำครัวเปือนเลือด 1 เล่ม ขาโต๊ะยาวประมาณ 1 ฟุตเปื้อนตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ภายในบ่อน้ำพบร่างของนายเล็ก อายุ 74 ปี นอนคุดคู้อยู่ในน้ำลึกประมาณ 1 เมตร เจ้าที่จึงได้ช่วยกันยกร่าง นายเล็กขึ้นมา แต่ปรากฏว่านายเล็กได้เสียชีวิตแล้ว 

จากการสอบสวนนายวิสูตร ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้ขาโต๊ะที่ทำจากไม้ฟาดบริเวณใบหน้าและศีรษะน้องชายจำนวนหลายครั้ง และได้ลากน้องชายลงไปในบ่อน้ำจริง
สาเหตุมาจากโกรธแค้นน้องชายที่มาแย่งที่ทำกิน ซึ่งตนปลูกผัก แต่น้องชายกลับนำเศษขวดเศษขยะไปคัดแยกในพื้นที่จนทำให้ต้นไม้ตาย เคยทะเลาะกันหลายครั้งแต่น้องชายก็ไม่ยอมเลิกพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมบอกว่าช่วงที่ทะเลาะกันน้องชายได้นำมีดออกมาฟันตนก่อน จนเลือดสาดด้วยความที่วันนี้อากาศร้อนมาก บันดาลโทสะจึงก่อเหตุดังกล่าว

ด้านน.ส.สุมัธยา เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของเจ้านายเก่าของนายเล็ก ซึ่งเจ้านายให้นายเล็กมาเฝ้าดูแลที่ดินให้ โดยให้พักอยู่บริเวณหน้าปากซอย ซึ่งนายเล็กมีอาชีพเป็นคนเก็บของเก่า โดยนำขยะมาคัดแยกท้ายซอย ซึ่งจากต้นซอยมาท้ายซอยห่างกันประมาณ 100 เมตร ต่อมาประมาณปีเศษนายเล็กเห็นว่านายวิสูตรไม่มีงาน จึงชวนมาอยู่ด้วย โดยให้อยู่ท้ายซอยปลูกผักและขุดบ่อเพื่อใช้ในการเกษตร แต่หลังจากที่นายวิสูตรปลูกผักได้เจริญงอกงามดี ในสวนมีมะละกอ ผักบุ้ง และผักสวนครัว ก็จะนำผลผลิตไปขายในตลาดบริเวณใกล้เคียง แต่นายเล็กก็ยังได้นำขวดและขยะมาคัดแยก ทับผักทับต้นไม้ของพี่ชายจนเกิดความเสียหาย หลายครั้งจนมีปากเสียงกันหลายครั้งไม่เว้นแต่ละวัน

ทั้งนี้ช่วงก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงคนคนร้องขอความช่วยเหลือ สามีตนจึงเดินไปดูก็เห็นว่าผู้ตายยังนั่งอยู่ปกติ ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสองพี่น้องคู่นี้มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ จึงเดินกลับขึ้นบ้าน สักพักได้ยินเสียงขอความช่วยเหลืออีก จึงเดินลงไปดูปรากฏว่า เห็นนายวิสูตรกำลังใช้ท่อนไม้กระหน่ำตีที่บริเวณใบหน้าของน้องชายโดยมีท่าทีโกรธแค้น โดยตีเข้าไปหลายครั้งจนน้องชายแน่นิ่งไป หลังจากนั้นได้ลากขาของน้องชายไปทางบ่อน้ำก่อนจะถีบหัวลงไปในน้ำ แช่อยู่ประมาณ 2-3 นาที ก่อนจะดึงขึ้นมาเมื่อแน่ใจว่าน้องชายตายจึงโยนลงไปในบ่ออีกครั้ง แล้วนำผ้าใบมา ปิดบริเวณปากบ่อและรอยเลือดดังกล่าวเพื่อทำลายหลักฐาน 

จากการสอบถาม นางสาว สุปราณี  อายุ 42 ปี ลูกสาวผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายของคนตาย และเป็นพ่อของตนด้วยเมื่อก่อนพ่อเคยเป็น รปภ. แล้วก็เกษียนอายุแล้วมีเงินบำนาญจากประกันสังคม และก็มีเบี้ยคนชราด้วย ส่วนผู้ตายไม่ได้ทำงานอะไรเก็บขวดขายอย่างเดียวเมื่อตอนเขาดีกันเขาก็รักกัน ทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรงถึงขนาดนี้ส่วนชนวนเหตุตนได้ยินจากที่พ่อเล่าให้ฟังว่าผู้ตายมาขโมยถอนต้นไม้เขาแล้วก็ทำมาหลายรอบแล้วเขาก็เลยโมโหก็เลยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่บ้านตนไปทำงานพอดีมีคนโทรมาบอกว่าที่บ้านเกิดเรื่องตนก็ตกใจแล้วก็รีบลางานทันที ปรกติผู้ตายมีโรคประจำตัวอยู่แล้วและก็เป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย ชอบโวยวาย แต่ก็ไม่ถึงกับลงมือกันรุนแรงถึงขนาดนี้

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา