วันที่ 16 พ.ค.67 พลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยถึงนโยบายปรับเกณฑ์ยาบ้าในครอบครองจาก 5 เม็ดเป็น 1 เม็ดก็ถือว่ามีความผิดนั้น มองว่าจะช่วยให้การแพร่กระจายยาบ้าในชุมชนลดลงและเห็นผลได้ชัด เนื่องจากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีการจับกุมข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 1-5 เม็ด เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 3,650 คดี หรือประมาณร้อยละ 80 จากเดิมเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,007 คดี แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ค้ายาบ้าได้ปรับพฤติกรรมและฉวยโอกาสนำยาบ้ามาจำหน่ายในชุมชน ทำให้การระบาดไม่ลดลง

เช่นเดียวกับการนำกัญชากลับไปเป็นบัญชียาเสพติดที่เป็นเรื่องดี เป็นการควบคุมไม่ให้ใช้กัญชาอย่างเสรี เพราะมองว่าปัจจุบันมีการนำกัญชามาใช้ในเชิงสันทนาการกว่าร้อยละ 99 และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้สารเสพติดชนิดอื่น เช่น เฮโรอีน ไอซ์ รวมถึงยังมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท หลายชุมชนมีผู้ป่วยคุ้มคลั่งหรือมีอาการทางจิตเวชจากการเสพกัญชาจำนวนมาก และหากมีการแก้ไขกฎกระทรวงหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วตำรวจก็พร้อมปฏิบัติตาม ประกาศออกมาเมื่อไหร่ก็จับกุมได้ทันที จะช่วยลดปัญหาสังคมได้

ส่วนการดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ให้เห็นผลภายใน 90 วัน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดจะสามารถดำเนินการได้ตามนโยบายและเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงการลดความต้องการยาเสพติด (supply) ลงได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล เห็นได้จากปัจจุบันที่ สามารถจับกุมเครือข่ายขนาดใหญ่ได้มากขึ้นกว่าร้อยละ 40 โดยเฉพาะเครือข่ายที่มีปริมาณยามากกว่า 500,000 เม็ดขึ้นไปขึ้น สามารถจับกุมได้ถึง 140 คดี เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่สามารถจับกุมได้ประมาณ 80 คดี