เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 นายถวิล เศษบุบผา เกษตรอำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า หอมแดงเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพในการส่งออก โดยคาดว่าจะมีเนื้อที่เพาะปลูกหอมแดง ประมาณ 47,517 ไร่ ได้ผลผลิต ประมาณ 99,562 ตัน แยกเป็นภาคเหนือ 28,670 ไร่ ผลผลิต 57,918 ตัน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18,847 ไร่ ผลผลิต 41,644 ตัน มีแหล่งปลูกสำคัญ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน ตาก แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ และชัยภูมิ นอกจากตลาดภายในประเทศแล้วยังมีการส่งออกไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ค่อนข้างมากในรูปหอมแดงสด/แช่เย็น และหอมแดงแห้ง  ซึ่งอำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร มีพื้นที่การปลูกหอมแดงประมาณ 1,500 ไร่ นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในอำเภอค้อวัง แต่ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงยังมีต้นทุนการผลิตสูงถึง 45,000 บาท ต่อไร่ 

นายถวิล ยังกล่าวอีกว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตหอมแดงเพิ่มขึ้น คือ หัวพันธุ์หอมแดงซึ่งมีราคาแพง อยู่ที่ประมาณ 80-150 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ผลิตหัวพันธุ์เอง แต่อาศัยซื้อหัวพันธุ์จากภายนอกเป็นหลัก จึงต้องแบกรับภาระค่าหัวพันธุ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การซื้อหัวพันธุ์หอมแดงจากต่างถิ่นทำให้มีความเสี่ยงเรื่องโรคและแมลงศัตรูหอมที่อาจติดมากับหัวพันธุ์ อาทิ โรคหอมเลื้อยหรือแอนแทรกโนส หนอนกระทู้หอม และหนอนเจาะสมอฝ้าย เป็นต้น ดังนั้น สำนักงานเกษตรอำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่หอมแดง ตำบลฟ้าห่วน ผลิตหอมพันธุ์ไว้ใช้เอง เกษตรกรสามารถนำผลิตพันธุ์หอมแดงไว้ใช้เอง เบื้องต้นเกษตรกรจะปลูกพันธุ์หอมแดงในพื้นที่ปลูกข้าวนาปี คือ หลังปลูกข้าวนาปี ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี เกษตรกรจะเตรียมแปลงปลูกโดย ไถตากดิน 2-3 ครั้ง เพื่อลดปัญหาเชื้อราในดิน ใส่ปูนขาว การปลูกทำหอมพันธุ์จะนิยมปลูกแบบยกร่อง  ผสมเชื้อราไตรโคเดอร์มาสดกับปุ๋ยหมักในอัตราเชื้อต่อปุ๋ยหมักเท่ากับ 1:300 ใส่รองพื้นก่อนปลูก อัตรา 10 กิโลกรัม/ตารางเมตร แล้วทำการไถพรวนและปลูกหอมแดงระยะ 12 x 12 เซนติเมตร พร้อมคลุมฟางหลังปลูก

นอกจากนี้ เกษตรกรป้องกันกำจัดโรคพืชในแปลงโดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาสด อัตรา 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 100 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วัน ซึ่งหอมที่จะนำมาปลูกทำพันธุ์เป็นหอมที่ปลูกในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยจะคัดเลือกหัวหอมที่มีขนาดและคุณภาพดีมาปลูกทำพันธุ์ อัตราการปลูก 1 ไร่ จะใช้หอมแดงประมาณ 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ (หอมที่ใช้ปลูกเป็นหอมหัวใหญ่) และให้ผลผลิตเป็นน้ำหนักแห้งประมาณ  900   กิโลกรัมต่อไร่ (หอมพันธุ์ที่ได้หัวหอมมีขนาดเล็ก)  และการปลูกหอมแดงในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม ของทุกปี ในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้หอมพันธุ์ในการปลูก 200 -250 กิโลกรัมต่อไร่ (หอมพันธุ์หัวขนาดเล็ก) เมื่อเทียบกันแล้วจะสามารถลดต้นทุนได้ ไร่ละประมาณ 20,000 - 30,000 บาทต่อไร่ 

ในส่วนการเก็บเกี่ยวหอมพันธุ์ต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม โดยหอมพันธุ์ควรเก็บเกี่ยวที่อายุ 45 วัน การเก็บควรตัดช่อดอกออกแล้วผึ่งให้แห้งก่อนนำไปคัดแยกและทำความสะอาดหัวพันธุ์ จากนั้นเก็บไว้ในโรงเก็บที่มีอากาศถ่ายเทดี ผลผลิตเสียหายน้อย จะทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น หากเก็บเกี่ยวหัวพันธุ์ในระยะที่ไม่เหมาะสม จะทำให้หัวพันธุ์หอมแดงคุณภาพไม่ดี หรือหัวลีบฝ่อ เกษตรกรจึงจำเป็นต้องเก็บรักษาคุณภาพหอมแดงอย่างถูกวิธี และต้องดูแลเอาใจใส่อย่างดี การแขวนหอมแดงในโรงเก็บต้องไม่ชิดหรืออัดแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราและเน่าเสียได้ และสำนักงานเกษยตรอวังเราได้ส่งเสริมเกษตรกรปลูกหอมพันธุ์ไว้ใช้เอง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร