คู่พระนางจากละครสงครามสมรส "ชาคริต แย้มนาม" และ "แอฟ ทักษอร" ควงคู่กันมาเปิดใจถึงเรื่องราวครอบครัวและความรักครั้งใหม่ ชาคริตเผยลูกเริ่มโตกลัวกรรมตามสนองเพราะอดีตเคยใช้ชีวิตแบบโลดโผน แอฟยอมรับเรื่องส่วนตัวความรักมีผลกระทบกับงาน ทั้งคู่เผยลูกคนที่ 2 ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในรายการ WOODY FM
ละคร "สงครามสมรส" ตอนที่ให้เล่นเป็นสามีภรรยากันรู้สึกยังไง ?
ชาคริต : ไม่เคยร่วมงานกัน ประหลาดมากตั้งแต่ทำงานมา แทบจะไม่เคยเจอกันเลย แม้แต่ข้างนอกนะ เพราะเราเองก็ไม่เคยไปร่วมงานที่ไหนอยู่แล้วค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวหน่อยๆ แต่พอช่วงที่ใกล้ๆจะเปิดกล้อง ก็มีโอกาสเจอกันในงาน ก็ได้รู้ว่าจะได้เล่นด้วยกัน ก็เป็นคนหนึ่งที่เราก็รู้อยู่แล้วว่าคือนางเอก เราก็ไม่เคยรู้ว่าวันหนึ่งจะได้ร่วมงานกับเขาหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง เอาจริงๆถ้าถามว่าทำการบ้านมากไหม ประมาณว่าพอถึงจุดสุดท้ายของการเป็นนักแสดงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับความที่ว่าจะต้องรู้จักกัน มันก็เป็นเรื่องของคาแรคเตอร์ที่เราบิวท์หรือสร้างขึ้นมา
แต่รู้สึกว่าเคมีเข้ากันได้ดีมาก ?
ชาคริต : แล้วพอมาเจอกันเราก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตัวเราไม่มี
แอฟ : เพราะว่าในเรื่องเราต้องมีปัญหากันอยู่แล้ว (หัวเราะ)
เรื่องนี้ความเครียดเยอะไหมในฐานะตัวละครของแอฟ ?
แอฟ : เครียดด้วยบทอยู่แล้ว แต่ถ้านอกเรื่องการทำงานกับพี่คริสไม่ได้เครียด มันกดดัน ก็ต้องยอมรับ เพราะคนพูดตลอดเวลาเลย แอฟไหวไหมๆ อะไรอย่างนี้ จะเล่นกับพี่คริสไหวไหม จะไหวเหรอ ไม่ไหวก็สู้อ่ะ
ชาคริต : เรื่องนี้คืออย่างหนึ่งคือผมไม่จำเป็นต้องไปดูแอฟที่เป็นแอฟที่เล่นมา เพราะว่าพอมาเรื่องนี้คือแอฟเปิดกว้าง เขาเปลี่ยนทุกอย่างภาพจำที่คนจะจำ หรือว่าบทที่คนจะคิดว่าถ้าเป็นแอฟต้องบทนี้ เล่นแบบนี้ เพราะว่าคนชื่นชอบแอฟในแบบที่ผ่านมา แต่พอมาเรื่องนี้คือแอฟแข็งแกร่ง กล้ามาก เหมือนเปิดตัวเองทุกอย่าง
กระแสฟีคแบคเป็นยังไงบ้าง ?
ชาคริต : ผมว่าตัวละครทุกตัวก็จะมีแฟนคลับของตัวเอง แล้วก็จะมีโดนทัวร์ลงในแบบของตัวละครนั้น อย่างผมแน่นอนไปไหน รองเมศ ปรเมศวร์ ก็แบบทำได้ยังไง ทำไมทำร้ายบัวบงกชได้ยังไง ก็คือน้องแอฟ
แอฟ : แต่แอฟบอกตลอดนะว่าเดี๋ยวไม่แน่ พวกที่ไปทัวร์ลง เดี๋ยวในรถทัวร์จะรักเขาก็มี
สำหรับแอฟช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีภาพของพิธีกรและ Singer Mom อย่างล่าสุดเป็นข่าวกับน้องนนกุล แล้วคนก็ให้ความสนใจเรามากขึ้นกับเรื่องส่วนตัวด้วยเหมือนกัน ?
แอฟ : ไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น แต่ก็อาจจะตกใจเล็กน้อย เพราะเคยคิดว่าอีกหน่อยเราแก่ขึ้นก็ไม่น่าจะมีใครสนใจเรื่องส่วนตัว หมายถึงมันไม่ได้เหมือนตอนเด็กๆ ที่แบบจะเป็นแฟนใครหรืออะไรอย่างนี้ แต่ปรากฎว่าจนทุกวันนี้ ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งก็ยังมีผลกับเรื่องงาน
แฟนๆ สนับสนุนเยอะมาก ได้รับข้อความจากแฟนๆ บ้างไหม ?
แอฟ : ก็ตลอดค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าทุกๆ ความคิดเห็นที่เข้ามาเป็นทางบวกเป็นกำลังใจให้แอฟเสมอ ต่อให้อยู่ในวงการนานขนาดไหน ส่วนนี้มันก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับแอฟ
การที่มีใครเข้ามาในชีวิตที่พร้อมจะเปิดใจ ถึงจุดไหนที่เราจะสามารถฝากใจไว้ได้ จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในใจของเรา ?
แอฟ : ช่วยหน่อย (หัวเราะ)
ชาคริต : จะตอบแทนได้ยังไงล่ะ
แอฟ : มันก็ต้องคือความคลิกนี่แหล่ะ แต่ว่าความคลิกนี้มันดีไซน์ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นเอง สุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่าเราตั้งโจทย์ไว้ยังไงแล้วรอจนกว่าคนนี้จะเข้ามาแมตซ์โจทย์ที่เราวางไว้ ปกติก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่แล้ว จนทุกวันนี้ก็คือรู้สึกว่าเมื่อไหร่มันเข้ามาแล้วก็รู้สึกได้เอง
ตอนที่เป็นข่าว ลูกทราบก่อนข่าวหรือว่าหลังข่าว ?
แอฟ : ปีใหม่ทราบก่อน
เราต้องอธิบายยังไง ?
แอฟ : ทุกอย่างตามธรรมชาติเลยค่ะ เราก็เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อน เพราะฉะนั้นก็คือเพื่อน แล้วพอเพื่อนแล้วก็สนิท ก็ต้องบอกลูกว่าสนิท แต่ทุกอย่างบางทีเหมือนกับคำพูดก็ไม่ได้สำคัญ ถึงจุดๆ นั้นแล้วไม่ต้องบอกลูกก็ได้ เพราะลูกรู้แล้วว่าสนิท เพราะลูกก็สนิทไปด้วยแล้ว มันคือการใช้ชีวิต ใช้เวลาร่วมกันไปเลย ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องบอกลูกด้วยซ้ำ เจอกันเป็นปกติทำกิจกรรม ไปเล่นกีฬา ไปดูละคร ดูหนัง ก็คือไปด้วยกัน
ชาคริตตอนนี้คุณมีลูกหนึ่งคน ?
ชาคริต : ครับ คือเอาจริงๆ แล้ว ก็ด้วยอายุ ด้วยหลายอย่าง ด้วยรูปแบบชีวิตที่ผ่านมา อย่างเรื่องอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ มันคือหลายปัจจัย ก็เหมือนยังไม่ผ่านจุดที่สามารถเรียกว่าเอาไข่กลับใส่เข้าไปในท้องได้ก็เลยสงสารภรรยา แล้วก็ปรับฮอร์โมนมาประมาณปีกว่าแล้ว พุงเดี๋ยวยุบเดี๋ยวพองก็หลายอย่าง ฮอร์โมนขึ้นลงตลอด ก็เลยให้เขาพักไปก่อนก็ไม่ได้คุมอะไรปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าเกิดมาก็น่าจะมา หรืออาจจะสักแปปถ้าจะฮึดอีกรอบหนึ่ง แต่ว่าก็คุยกันเหมือนกันว่าเที่ยวดีกว่าไหมวัยนี้แล้ว คนเดียวที่เรามีอยู่ก็มหัศจรรย์มากแล้ว แล้วก็คิดว่าถ้าเขาจะส่งมาให้เราเท่านี้ ณ จุดนี้ เราก็เอ็นจอยกับจุดนี้ชีวิตจะได้ไม่เครียด ตอนนี้น้องโพธิ์ก็ 6 ขวบแล้วอยู่ในจุดที่ทำอะไรเขาจะสามารถจำได้ พาไปไหนก็จะเก็บความทรงจำดีๆไว้ ให้กับตัวเขาเองได้ โฟกัสตรงนั้นดีกว่า
ของแอฟนี้คิดว่าอยากจะให้ปีใหม่มีพี่น้องไหม หรือว่ามีคนเดียว ?
แอฟ : แอฟคิดว่าเดี๋ยวเขาก็ส่งมาเอง ถ้าชีวิตจะมีก็มี เขาเรียกว่าไหลไปตามกระแสไหม Go With The Flow ก็คือจริงๆ แล้วถ้าด้วยอายุก็ไม่น่าจะมีได้ง่ายๆ แต่สมมุติถ้ามีได้จริงๆ แปลว่าชีวิตจะต้องมีแล้วแหล่ะ ซึ่งแอฟคิดว่าแอฟเป็นคนสามารถหาข้อดีในทุกๆ รูปแบบได้ ถ้าสรุปสุดท้ายปีใหม่จะเป็นคนเดียวของแอฟ ก็ดีตรงทุ่มให้เขาได้เต็มที่ ตั้งใจกับเขาได้ทุกอย่างที่มี 100% แต่ถ้าเกิดเขามีพี่น้องก็ดีตรงที่อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าเขาจะมีเพื่อนอีกสักคน
ตอนนี้ปีใหม่เขารู้หรือยังว่าอยากเป็นอะไร ?
แอฟ : แล้วแต่อารมณ์ค่ะ (หัวเราะ) เขาชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลง ชอบเต้น ชอบวาดรูป ลูกจะเหมือนแอฟในบางส่วน เช่นเป็นคนที่อ่อนไหว เป็นคนดูแล เป็นคนมีรายละเอียด เป็นคนที่ใส่ใจคนอื่น แต่ความแมนแอฟว่าแอฟแมนกว่า
ชาคริต : ขอเม้าท์นิดหนึ่ง ผมเองพออยู่ในกองได้รู้จักแอฟ คือเขาเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งหลายๆ อย่างเหมือนกันนะ มีความแมนแบบโดยที่คนไม่รู้ไม่ว่าในหลายๆเรื่อง แต่สิ่งที่ผมจับใจความได้และที่รู้มาคือเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นไปได้สุดถึงจุดนี้แต่จะไม่ยอมให้ลูกไป จะแบบว่าห่วงลูก
แอฟ : ไม่ พอมีลูกเองจริงๆ แล้ว มันไม่ได้เหมือนที่คิดไว้ แล้วพี่คริตเคยดีไซน์ไหมว่าอยากให้น้องโพธิ์เป็นแบบนี้
ชาคริต : ก็เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่เหมือนพี่ (หัวเราะ) เหมือนเราก็เคยมีประสบการณ์ผ่านมาก่อนอยู่แล้ว กับความมุทะลุตั้งแต่เด็ก การใช้ชีวิตความโลดโผน การเสี่ยงกับอะไรหลายๆ อย่างที่เราผ่านมาหรือทำอะไรไม่ค่อยคิดปาร์ตี้ต่างๆ แล้วแบบมานั่งคิดลูกเราจะเป็นยังไงนะ เราเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่เราถึงนอนไม่หลับเวลาตอนวัยรุ่นที่เราออกไปเที่ยวแล้วกลับมา คือถ้าเลือกได้เราก็ไม่อยากมีประสบการณ์ความรู้สึกแบบนั้น ไม่อยากอดหลับอดนอนเพราะต้องเป็นห่วงลูก เพราะทุกวันนี้เราเห็เขาพัฒนาโตขึ้นไปยังนอนอยู่กับเรามันอบอุ่นเหลือเกิน คือทุกวันนี้มันกลัวกรรมตามสนอง แต่สุดท้ายถ้ามันเกิดขึ้นก็ต้องรับได้แหล่ะ และเราก็จัดการให้เขาไปในทางที่เรารู้ว่าต้องมีข้อจำกัด ต้องรู้จักรับผิดชอบในหลายๆ อย่าง อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราก็พร้อมจะเปิดรับแล้วก็อยู่ตรงนั้นเพื่อเขาได้ ไม่มีปัญหา
สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.