จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ค.67 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้พานางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เข้าพบกับ พ.ต.อ.สร ซื่อตรงพานิช ผกก.สภ.กระทุ่มแบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามเด็กชายเบล อายุ 7 ขวบ ลูกชายของนางสาวเอฯ ที่เกิดกับอดีตสามีซึ่งได้เลิกกันมา 4 เดือนแล้ว คือ นายนวีศักดิ์ อายุ 33 ปี พ่อแท้ๆ ที่บังคับพาตัวลูกไปและก่อนหน้านี้ยังได้มีการวีดีโอคอลทำร้ายบีบคอ ใช้มีดจี้คอขู่จะฆ่าลูก เพื่อบังคับให้ฝ่ายหญิงกลับไปคืนดีด้วยนั้น ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานของ พมจ.สมุทรสาคร และ กัน จอมพลัง ก็ได้เดินทางไปที่ห้องพักของพ่อเด็กในพื้นที่หมู่ 11 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แต่ปรากฎว่าไม่พบใคร โดยพ่อของเด็กได้พาน้องเบลออกจากห้องไปนานแล้ว มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ซึ่งตลอดทั้งวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้แม่พยายามติดต่อกับพ่อของเด็ก เพื่อนัดไปพบกันตามจุดต่างๆ แต่เมื่อไปถึงจุดนัดหมายหลายจุด ก็ปรากฏว่าไม่พบตัวพ่อและเด็ก จนทางด้านของ กัน จอมพลัง ได้ประสานขอกำลังของตำรวจภูธรภาค 7 ช่วยติดตามอีกทางหนึ่ง
กระทั่งในเวลาประมาณ 18.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งจากทางพี่สาวของนายนวีศักดิ์ว่า พ่อเด็กจะพาน้องเบลมาส่งให้พี่สาวที่โรงพักกระทุ่มแบน ซึ่งพี่สาวของนายนวีศักดิ์ จึงได้รีบเดินทางมารอที่ สภ.กระทุ่มแบน เพื่อรอรับน้องเบล โดยมี กัน จอมพลัง ผู้กำกับการฯ เจ้าหน้าที่ พม. และที่สำคัญคือ นางสาวเอ แม่ของน้องเบลเฝ้ารออย่างมีความหวังว่า นายนวีศักดิ์ จะทำตามที่พูดเพราะทุกคนต่างรู้สึกเป็นห่วงน้องเบลที่วันนี้ต้องนั่งรถไปไหนต่อไหนกับพ่อตลอดทั้งวัน ท่ามกลางอากาศที่ร้อน ความง่วงอ่อนเพลียของร่างกายตามวัย และความหิวกระหาย จนเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.นายนวีศักดิ์ พ่อของน้องเบล ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว มีน้องเบล ลูกชายวัย 7 ขวบ สวมเสื้อสีชมพูนั่งซ้อนท้ายกอดเอวพ่อมา โดยเมื่อมาถึงป้า (พี่สาวของนายนวีศักดิ์) ก็ได้เข้าไปรับหลานชายมากอด แล้วก็พาเข้าไปนั่งพักด้านใน
ขณะที่นายนวีศักดิ์ พ่อของน้องเบล ก็ได้เล่าว่า ตนเองไม่ได้พาลูกหนี หรือคิดจะพาไปทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แต่ตนตั้งใจจะพาลูกไปฝากไว้กับพี่สาวและน้องสาว ที่อยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น ซึ่งตนก็เคยบอกแม่ของเด็กไปแล้ว จนเมื่อขับรถไปไกลถึงแถวๆ บางบัวทอง ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเด็กว่า อยากเจอลูกตนจึงวกรถกลับมา ส่วนที่มีคลิปว่าตนทำร้ายลูกเมื่อ 2 วันก่อนนั้น ตรงนี้ตนยอมรับว่าลงมือทำจริง เพราะอารมณ์โมโหแม่ของเด็กที่ไม่รักษาคำพูดที่บอกว่า จะส่งเอกสารของแม่และลูกมาให้ตนเพื่อที่ตนจะพาลูกไปสมัครเข้าโรงเรียน เพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว ซึ่งพอโทรไปทวงถามก็บอกว่าติดงานแต่ง ต้องไปธุระ ไม่ยอมส่งเอกสารมาให้สักที ตนจึงทำร้ายลูกเพราะต้องการประชดแม่ของเด็กก็เท่านั้น พอมาวันนี้เห็นว่ายังไม่ได้เอกสารและโรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้วนั้น จึงตั้งใจที่จะพาลูกไปฝากไว้กับพี่สาวหรือน้องสาวก่อน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเช่นนี้ ซึ่งตลอดทั้งวันตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเมื่อเย็นมีพี่โทรไปบอกว่ามีข่าวแบบนี้ ตนจึงได้ติดต่อกับพี่สาวให้มารับหลานที่โรงพัก และขอพูดคุยกับแม่เด็ก รวมถึงพร้อมที่จะยอมรับการกระทำความผิดด้วย
นายนวีศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ตนยอมรับว่ามีการเสพยาเสพติด จึงทำให้บางครั้งมีอารมณ์ร้อน โมโหง่าย ส่วนในเรื่องของกรอกน้ำยาล้างห้องน้ำนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อราวๆ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาแม้ตนไม่ได้เลี้ยงดูลูก และไม่ได้ส่งเสียลูก เพราะมีพ่อแม่ของตน หรือปู่กับย่าของเด็กเลี้ยงดูและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ แต่พอแม่เสียตนก็ไปรับลูกมาอยู่ด้วย และตั้งใจจะพาลูกเข้าโรงเรียนที่นี่ แต่เมื่อโทรไปบอกให้แม่ของเด็กส่งเอกสารมา กลับไม่ได้รับความใส่ใจ ตนจึงลงมือทำร้ายเด็กตามคลิปที่ปรากฏ เพราะต้องการประชดแม่เด็กโดยขาดสติยั้งคิดทำรุนแรงกับลูก
ทั้งนี้เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายนวีศักดิ์ พ่อของน้องเบล ไปพบเพื่อพูดคุยกับแม่ของลูก ก่อนที่จะนำตัวไปตรวจปัสสาวะ และแจ้งความดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ ข่มขืนผู้อื่นให้กระทำการใดและไม่กระทำการใด โดยขู่ว่าจะทำอันตรายแก่ร่างกายผู้อื่น อันเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ,ความผิดตาม พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนน้องเบลนั้นเบื้องต้น ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ พม.ได้มีการพูดคุยสอบถามพร้อมประเมินสภาพร่างกาย และจิตใจของเด็กก่อน ที่จะอนุญาตให้แม่ของเด็กรับไปดูแลตามความประสงค์ต่อไป