สมศักดิ์ ขอประชาชนอย่ากังวลตรวจสอบข้าว 10 ปี คาดศุกร์นี้รู้เรื่อง พร้อมรีเช็กรอบสอง ย้ำหน่วยงานราชการต้องเป๊ะ ปชป.แนะภูมิธรรม-เศรษฐา ช่วยตามตัวยิ่งลักษณ์รับโทษคดีทุจริตจำนำข้าว ยุติปมข้าวค้างโกดัง ย้ำทำให้ถูกต้อง จ่อยื่นเรื่องยึดหลักกฎหมาย ปปง. ถ้ายังเฉย ผิด ม.157 ติดตัวยาวแน่

     เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำข้าวภาครัฐ ที่มีการเก็บไว้ในโกดังกว่า 10 ปี หลังรัฐบาลเตรียมนำออกประมูลเพื่อการบริโภค ว่า ขณะนี้มีการส่งตัวอย่างข้าวมาถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เรียบร้อยแล้ว ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ จากนั้นจะขออนุญาตตามขั้นตอน แล้วให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แถลงผลการตรวจให้ทราบ หรือวันไหนที่เสร็จ ตนอาจจะขอข้อมูลมาเพื่อแจ้งต่อสาธารณะต่อไป เบื้องต้นก็ตรวจในสิ่งที่เขาจะตรวจกัน ส่วนตัวไม่ได้มีความชำนาญเรื่องข้าวนัก แต่คิดว่าจะดูเรื่องข้าว เรื่องยาฆ่าแมลง เรื่องสารเคมีที่ใช้ในการอบ เก็บรักษาข้าว ดูสภาพทางกายภาพต่างๆ
    
 ผู้สื่อข่าว ถามว่า ตัวอย่างข้าวที่ส่งมานั้น เป็นข้าวที่เก็บมาจากแหล่งใดบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เขาเก็บมาเป็นวิชาการ ตนไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ทราบว่า ได้ส่งมาแล้ว เมื่อถามว่า หากผลตรวจออกมาแล้วจะสามารถพูดได้เลยหรือไม่ว่า รับประทานได้ หรือไม่ได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็จะประกาศตามผลทางวิทยาศาสตร์ ไม่กล้าที่จะไปพูดอะไรเกินเลย เอาไปตามแผนทางวิชาการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งคาดว่าผลการตรวจจะออกมาราวๆ ปลายสัปดาห์ วันศุกร์ หรือวันเสาร์ อาทิตย์ ถึงตอนนั้นก็สามารถสอบถามตนได้อีกครั้ง ทั้งนี้ การตรวจสอบต้องมีการรีเช็กอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ส่วนงานอื่นตรวจสอบหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่เราตรวจในส่วนที่ส่งเข้ามา
    
   ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการตรวจสอบ เพราะหน่วยงานราชการทำผิดไม่ได้ ต้องเป๊ะ ถ้าไม่เป๊ะมันอยู่ยาก ราชการเขาไม่มีหลุด ขอให้สบายใจ ขอให้ให้เกียรติกัน หากไม่ให้เกียรติกัน ต่อไปใครจะมาช่วยเรา ระบบราชการต้องทำให้ถูกต้อง ไม่มีเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ขอให้สบายใจ นายสมศักดิ์ กล่าว
    
 เมื่อถามว่า ตัวอย่างข้าวที่ส่งมานั้น หน่วยงานใดเป็นผู้ส่งเข้ามาตรวจ และส่งถึงกรมวิทย์ เมื่อไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่ามาแล้ว เพราะไม่ได้ตามเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่งานหลัก อย่างไรก็ตามประมาณวันศุกร์ขอให้ตามเรื่องอีกครั้งหนึ่ง
   
  ด้าน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้อถกเถียงเรื่องข้าวเก่า 10 ปี ค้างโกดัง ในโครงการรับจำนำข้าว 10 ปี ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ระบุจะเอาเข้าสู่ระบบการค้าข้าวส่งออกนั้น ว่า ข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตัน ที่มีการวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่จะนำข้าวค้างโกดัง 10 ปีนี้ไปขาย เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบการค้าข้าวและทำลายชื่อเสียงของข้าวไทย ตนขอย้อนถึงความเป็นมาของข้าวกองนี้ ที่เป็นเศษสุดท้ายของข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 คดีหมายเลขดำที่ อม. 22/ 2558  คดีหมายเลขแดง ที่ อม.211/2560 และไม่ใช่เอกสารลับ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้
    
 โดยคำตัดสินของศาลฎีกาฯ สรุปสาระได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแล ต้องระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว แต่จำเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฏหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการรับจำนำข้าวโดยการแอบอ้างนำบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ค่าส่วนต่างจากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย 4 ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย  ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรงโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนหรือผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ให้จำคุก 5 ปี"
    
   "เมื่อศาลมีคำพิพากษาดังกล่าวในหน้า 95 ของคำตัดสิน ผมจึงขอฝากถึง นายภูมิธรรม รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ช่วยไปตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาลเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย หรือภาษาชาวบ้านคือ เอามาเข้าคุก 5 ปี ตามคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ไปช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ ผมจะทำหนังสือถึงนายภูมิธรรม พร้อมคำพิพากษาของคดีนี้ เพราะคุณมีหน้าที่ ซึ่งโดยหลักของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่กำหนดมูลฐานความผิดตามมาตรา 3(5) ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฏหมายนี้และตามคำตัดสินของคดีนี้ คุณต้องไปยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายในโครงการดังกล่าวคืนให้แก่รัฐ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติที่เสียหาย ตามคำพิพากษาคือ การเอาเงินกลับมาคืนคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเรื่องในการที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเป็น รมว.พาณิชย์ แล้ว กลับจะมาแก้ปัญหาให้กับคนที่ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินลงโทษไปแล้ว" 
   
  นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า นอกจากจะส่งเรื่องนี้ให้นายภูมิธรรมแล้ว ตนจะส่งเรื่องนี้ให้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร รวมถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย ที่ต้องยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาล เรื่องนี้นายเศรษฐาต้องดำเนินการนี้ เพราะเป็นคดีอาญา ส่วนที่มีการอ้าง และเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ศาลปกครองกลาง ได้ยกคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ฟ้องว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะกรณีค่าปรับที่ศาลปกครองกลางสั่ง เป็นคดีคำสั่งทางปกครอง แต่คดีที่ศาลฎีกานักการเมืองตัดสินจำคุกนี้ เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินของกฎหมาย ป.ป.ง.ซึ่งคดีแบบนี้ คนเคยทำมาแล้วคือ ค่าโง่คลองด่าน ที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินสั่งให้รัฐ ต้องชดใช้เงินให้กับบริษัทเอกชนรวม 5 บริษัท สุดท้ายเราต่อสู้คดีโดยใช้ข้อเท็จจริงและกฎหมายการฟอกเงินของ ป.ป.ง.พิสูจน์ว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บริษัท โดยใช้กฎหมายฟอกเงินไปยึดอายัดทรัพย์ทั้งหมด กลับคืนมาเป็นของรัฐ รวมกว่า 9 พันล้านบาท จึงจำเป็นต้องอธิบายให้สังคมไทย รับทราบว่า วันนี้ต้องกลับไปยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาคืนรัฐ โดยนายภูมิธรรมที่เป็น รมว.พาณิชย์ มีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งจะไปปรึกษากับนายเศรษฐาให้ดีก็ได้ ซึ่งถ้าตนยื่นเรื่องไปแล้ว และหากพวกท่านไม่ทำอะไร ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะติดตัวท่านไปตลอดชีวิต