จากกรณีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตบหน้าเด็กอายุ 14 ปี หลังฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในห้องน้ำภายในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และได้บังคับให้เด็กถอดเสื้อผ้า พร้อมไล่ออกจากพื้นที่ รพ. และได้ยึดเสื้อผ้า ของเด็กเอาไว้ตั้งแต่ค่ำของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนแม่จะพาเด็กไปแจ้งความ ที่สน.ทุ่งสองห้องในคืนเดียวกัน และต่อมาทนายรัชพล ศิริสาคร พาแม่และเด็กชายวัย14 เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย น.ส.กัลยา แม่ของเด็กวัย 14 ปี เดินทาง ไปที่ร.พ. มงกุฎวัฒนะ เพื่อรับ โทรศัพท์มือถือ และเสื้อผ้าของเด็ก ที่นพ.เหรียญทอง ยึดไว้ โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหยิบถุงใส่เสื้อผ้าเด็กวัย 14 ปี มาให้ กลับพบมีถุงซิปล็อคขนาดเล็ก ภายในบรรจุผงสีขาว และไฟแช็กอยู่ก้นถุง

น.ส. กัลยา ยอมรับว่า ตกใจที่เห็นถุงซิปล็อกที่มีผงสีขาว คล้ายยาเสพติด ในถุงเสื้อผ้า โดยขณะนี้ยังไม่ฟันธงว่า วัตถุดังกล่าว เป็นของลูกชายหรือไม่ เพราะยังไม่ได้คุยกับลูกชาย แต่ถ้าหลังจากนี้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของลูกชายก็จะพาไปตรวจหาสารเสพติด แต่หากผลตรวจออกมาว่าลูกชายเสพสารเสพติด ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยที่ผ่านมาตนไม่ทราบว่า ลูกชายเคยมีประวัติเสพสารเสพติดหรือไม่

น.ส.กัลยา ยังกล่าวอีกว่า จากการสอบถามพนักงานของโรงพยาบาล พนักงานคนดังกล่าวก็ไม่ทราบว่ายาเสพติดมาได้อย่างไร ส่วนตัวก็ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดวันเกิดเหตุจึงไม่เจอถุงบรรจุวัตถุคล้ายยาเสพติด

ขณะที่เด็ก อายุ14 ปีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยยอมรับว่า ซองดังกล่าว เป็นของตนจริง โดยเป็นสารเสพติดประเภทเฮโรอีน โดยซื้อมาในราคา50 บาท เพื่อเอาไว้เสพ

 ด้านพ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยถึงกรณีพบซองบรรจุผงบางอย่างที่ชุดของเด็ก 14 ว่า เบื้องต้นให้ พนง.สอบสวน นำหลักฐานทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทรัพย์สิน และซองพลาสติกต้องสงสัยดังกล่าว นำมาตรวจสอบเบื่องต้นแล้ว โดยซองดังกล่าว จะถูกส่งให้ กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจสอบผงสีขาวที่อยู่ในซองว่าเป็นสารเสพติดประเภทใดและเป็นของผู้ใด เนื่องจากเสื้อผ้าถูก จนท.ของรพ.ยึดไว้ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ

 ส่วนเรื่องที่เยาวชนอายุ14ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและยอมรับว่าซื้อเฮโรอีน ดังกล่าวในราคา50 บาท ในวันพรุ่งนี้ ทางพนง.สอบสวนจะเชิญแม่และเยาวชนมาสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพ ส่วนซองพลาสติกต้องสงสัย ซึ่งหากเด็กรับสารภาพกับตำรวจว่าเป็นยาเสพติดของตนจริง ก็จะนำคำให้การไปรวบรวมกับผลตรวจสอบซองพลาสติกของกองพิสูจน์หลักฐาน และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฏหมายต่อไป