PLANET โชว์ผลงานไตรมาส 1/67พลิกกำไร หลังได้รับชําระหนี้เต็มจํานวน ธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และธุรกิจด้านดิจิทัลเทคโนโลยี เริ่มสร้างผลตอบแทน หนุนรายได้Q1 โต 18.37% บิ๊กบอส "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ " มั่นใจปี 67 

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 11.67 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีขาดทุนสุทธิจํานวน 18.61 ล้านบาท สาเหตุ หลัก มาจากได้รับชําระหนี้ทั้งหมดจากโครงการหนึ่งที่ได้ตั้งสํารองผลขาดทุนไปในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เร่งรัดการติดตามหนี้อย่างเข้มข้น ทําให้ได้รับชําระหนี้เต็มจํานวนส่งผลให้รายได้อื่นในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจํานวน 53.37 ล้านบาท
 
ขณะที่รายได้จากการดําเนินงานในไตรมาสที่ 1/67 มีจํานวน 107.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.75 ล้านบาท หรือ 18.37% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 91.20 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และธุรกิจด้านดิจิทัลเทคโนโลยี

สำหรับต้นทุนขายและบริการในไตรมาสที่ 1/67 จํานวน 91.90 ล้านบาท หรือ 85.13% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ส่งผลให้มีอัตรากําไรขั้นต้น 14.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีจํานวน 68.42 ล้านบาท หรือ 75.02% และกําไรขั้นต้นคิดเป็น24.98% โดยต้นทุนขายปรับตัวสูงขึ้นมาจากต้นทุนในการขยายธุรกิจไปยัง EEC global cloud ที่ให้บริการด้านคลาวด์เซอร์วิสและ Data Center ซึ่งยังอยู่ในช่วงต้นของการเริ่มดําเนินธุรกิจ

นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า  หลังจากการปรับตัวของบริษัทฯในช่วงหลายปีก่อนหน้า จากธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ก้าวสู่การเป็น Digital Technology Provider  ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร มุ่งเน้นตลาดสินค้า New S Curve ผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยต่างๆ อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับด้านสาธารณูปโภค ธุรกิจด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) และธุรกิจด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) จะเริ่มสร้างรายได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

"ผลจากการขยายการลงทุนในข้างต้น มั่นใจว่า ในปี 2567 จะเริ่มสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว และเป็นไปตามกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ที่เน้นให้ความสำคัญต่อแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) และมุ่งการนำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อยกระดับและพัฒนาประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero-Carbon) เพื่อร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาโลกร้อน"นายประพัฒน์กล่าว