นายกฯ เชื่อเข้าใจผิดเรื่องการแบ่งงาน หลัง กฤษฎา เขียนจดหมายไขก๊อก บอกความจริง ยังมีงานอีกเยอะที่จะให้ช่วยทำแต่เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ตามนั้น ระบุ พีระพันธ์ ยังไม่เสนอชื่อใครเสียบแทน ด้าน ครม.สัญจรเมืองเพชรฯ เทงบกลุ่มจังหวัด 246 ล้านบาท 10 โครงการ - ภาคเอกชน 268 ล้าน 8 โครงการ เห็นชอบ ปชช. ใช้ที่ดินรัฐ กู้เงินแบงค์ 

     เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 14 พ.ค.67 ที่จังหวัดเพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.) ถึงความคืบหน้าหลังนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือชี้แจงการลาออกจากตำแหน่ง โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันเดียวกันนี้ ได้มีการพูดคุยและหารือกับนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงานในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือยัง และได้มีการพูดคุยถึงการเสนอรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังยังไม่มีครับ

     ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นรายละเอียดของจดหมายลาออกของนายกฤษฎา ที่ระบุว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ให้เกียรติกันในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครับ เห็นแล้วครับ

     เมื่อถามว่าจะได้มีโอกาสในการพูดคุยหรือทำความเข้าใจกับนายกฤษฎาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า  ผมเชื่อว่าผมรู้จักท่านมานานแล้วก็คงมีโอกาสได้เจอกัน และเราก็ไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน ผมเชื่อว่าเป็นการเข้าใจผิดในเรื่องของการแบ่งงานมากกว่า และมันยังมีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยังสามารถให้ท่านช่วยเหลือได้แต่เมื่อท่านตัดสินใจไปแล้วก็ตามนั้นครับ

     นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ครม.ได้เห็นชอบตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอการสรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ได้แก่ จังหวัด เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจแบบครบวงจร การท่องเที่ยว การเกษตร การส่งเสริมความมั่นคงสงบเรียบร้อย การบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน และการพัฒนาแบบที่มีส่วนร่วมเมืองสร้างสรรค์ระดับสากล 
     
นอกจากนี้ ครม.รับทราบและเห็นชอบหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด จำนวน 10 โครงการ กรอบวงเงิน 246 ล้านบาท โดยให้กลุ่มจังหวัด และจังหวัดขอรับการจัดสรรของบประมาณปี 2567 และงบกลาง และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน จำนวน 8 โครงการ กรอบวงเงิน 268 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2567 และงบกลาง  อีกทั้งยังเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอในแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำที่ดินของรัฐไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ โดยที่ดินยังเป็นของรัฐและสามารถและไม่สามารถบังคับใช้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ได้