"รมว.สธ. " เผย "นายกฯ" สั่งดึง "กัญชา" กลับเป็น "ยาเสพติด" ภายในสิ้นปีนี้ ยอมรับตอนเป็น "รมว.ยุติธรรม" รัฐบาลที่แล้วไม่ได้คัดค้าน เพราะทำงานกับพรรคร่วมฯ ยังรู้ไม่ชัดเจนจึงไม่ค้าน ยันปราบยาเสพติดเข้ม ลั่นคนมียาบ้าเม็ดเดียวต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย เผย 16 พ.ค.ประชุมแก้กฎกระทรวงกำหนดจำนวนครอบครองยาบ้า
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 ว่า นายกรัฐมนตรีให้เวลาดำเนินการถึงสิ้นปี ซึ่งจะต้องมีการรแก้ไขกฎกระทรวง และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ส่วนจะนำกัญชาทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนเข้าบัญชียาเสพติดนั้น กัญชาถูกควบคุมตามอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งช่อดอก กัญชา และสารสกัดเป็นยาเสพติด ยกเว้นเส้นใย เมล็ด หรือการควบคุมการปลูกกัญชา หรือการจัดรายงานที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ปลูก การนำเข้าต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยกัน เพราะต้องแก้กฎกระทรวง และหากไม่พูดคุยกันแล้วแก้กฎกระทรวงก็จะเสียหายมาก และประกาศตามคำสั่ง ที่จะให้แพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้าน และวิธีการวิจัยต่าง ๆ นั้นจะต้องคุยกันอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วน และถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วนแล้วดำเนินการไปในฐานะรัฐบาลจะเสียหายได้
ส่วนที่เคยเห็นด้วยในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ป.ส. สมัยเป็นรมว.ยุติธรรมรัฐบาลที่แล้วนั้น การทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล หากเราไม่รู้จริง หรือยังไม่ชัดเจนจริง ก็ไม่มีสิทธิ์ไปค้าน ซึ่งในการประชุม ป.ป.ส.หลายครั้ง ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาคือกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องอนุสัญญาระหว่างประเทศ แต่นอกวงการประชุม ก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยรุนแรง ทั้ง ป.ป.ส. เอง และตำรวจ
ที่ผ่านมามีการพูดคุยกัน ทั้งนอกรอบและในรอบการประชุม แต่แม้ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส.อย่างเป็นทางการ ตนก็ไม่ได้คัดค้าน แต่มีการพูดคุยนอกรอบกัน เพราะต้องให้เกียรติกันในขณะนั้น แต่เมื่อจะดำเนินการ ตนเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเวลาที่จะทำความเข้าใจในข้อเท็จจริง เราเดินมาตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ 4 ปีแล้ว เอาข้อมูลมาดูกันและยอมรับข้อเท็จจริง โดยรัฐบาลให้แนวทางยึดประชาชนเป็นหลัก
สำหรับผู้คัดค้านนำกัญชากลับเข้าบัญชีรายชื่อยาเสพติดจะเข้ามาพบที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น ตนพร้อมพูดคุยและต้องไปพูดคุยด้วย เพราะไม่อยากดำเนินการโดยที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ และจะต้องไม่ให้ผู้คัดค้านเสียหาย ต้องมีกรอบกัญชาทางการแพทย์
ต่อมา รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์คัดกรองยาเสพติด มี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงคณะผู้บริหารกระทรวงฯ บุคลากรการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต้อนรับ
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดที่รพ.สต.ธงชัย และโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ว่า เป็นการตรวจดูการบริหารงานจุดคัดกรองยาเสพติดในแต่ละระดับสีความรุนแรง แบ่งเป็น เหลือง เขียว ส้ม แดง โดยจะยกระดับดูแลรักษาผู้ติดยาเสพติดเสพ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งแต่ละระดับจะมีอาการต่างกัน โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะหารือถึงการปรับยาของผู้ติดระดับสีส้มและสีแดง
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่กระทรวงกลาโหม ยินดีเปิดพื้นที่ค่ายทหารให้ใช้เป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องประสานงานกับกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ เรื่องการบำบัดถือเป็นเรื่องปลายน้ำ มีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหมและกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับงบประมาณมาบูรณาการทำงานร่วมกันในเรื่องดังกล่าว และต้องทำให้เกิดผลให้เป็นรูปธรรม โดยควบคู่กับกระบวนการยุติธรรม เมื่อถูกส่งขึ้นศาลแล้วต้องรอให้ศาลมีคำคำสั่งว่าจะส่งไปบำบัดหรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่าการกำหนดจำนวนครอบครองยาบ้า จะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 16 พ.ค.นี้ จากนั้นจะนำร่างกฎกระทรวงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 17พ.ค.นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นเวลา 15 วัน และเมื่อครบกำหนด 15 วันแล้ว จากนั้นจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบต่อไป
ผมเห็นว่าเรื่องบำบัดคือปลายน้ำ แต่ที่นายกรัฐมนตรี กำชับเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ คือสกัดกั้นนำเข้าบริเวณชายแดน ตรวจสอบผู้ค้าผู้ผลิตและยึดทรัพย์คนที่อยู่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าใครที่มียาบ้าในครอบครองแค่เม็ดเดียวก็ต้องถูกจับและยึดทรัพย์และต้องตรวจสอบย้อนลงไปด้วยว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแค่ไหน มีรายได้จากการขายยาเท่าไหร่ และยึดทรัพย์รวมไปถึงที่อยู่ในมรดก สิ่งเหล่านี้ต้องเข้มงวดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนตำรวจและศาลต่อไปนายสมศักดิ์ กล่าว