วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.สอบสวนกลาง พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.4 ปคม. สั่งการให้ พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 ตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ชานนท์ รัตนประทีป สว.ฯ พ.ต.ท.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ทล.5ฯ และตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย เจ้าหน้าที่ ตม.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หนองฉาง จ.อุทัยธานี นำหมายจับของศาล จ.อุทัยธานี ที่ 235/2566 ฐาน ยักยอกเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดด้วยประการใดๆ และ อีก 4 หมายจับ คือ ตามหมายจับศาลจ 73/2566 หมายจับศาลจ.สุพรรณที่302/2566,หมายจับศาลแขวงสุพรรณที่ 153/2566,หมายจับศาลจ.นนทบุรีที่ 586/2566 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน รวม 5 หมายจับ

เข้าทำการจับกุมตัว นายวิทยา  อายุ 32ปี ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย  หลังจากที่ผู้ต้องหารายนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา ได้เพียง 2 วัน ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ไม่เคยถูกจับตามหมายนี้มาก่อน 

ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหา ได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยไคร้ และขายให้กับ นายปิยะพงษ์ ในราคา 3,500 บาท ซึ่งเป็นเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ตามหมายจับกว่า 60 หมายจับ  

โดยนายวิทยา เปิดเผยว่า พอตนเองทราบว่า นายปิยะพงษ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว จึงได้หลบหนีไปที่ต่างๆ และได้วนกลับมาที่บ้านของตนเองเป็นบางครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม แต่ในครั้งนี้ได้มาถูกจับกุมที่บ้านพักดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายวิทยา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมว่า ตนได้รับข้อความผ่าน SMS และทางอีเมล์ ที่ตนผูกไว้กับบัญชี แจ้งเตือนวงเงินเข้าออกหมุนเวียนกว่า 8-9 ล้านบาท ส่วนมากพบเป็นชื่อคนจีนทั้งหมด ที่มีการโอนเข้าและโอนออกไป ตนจึงทราบว่าบัญชีที่ตนขายไปนั้น ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีนนำไปใช้ก่อเหตุ 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิทยา มาทำบันทึกควบคุม ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย และนำส่งมอบตัวให้ตำรวจทางหลวงเชียงราย ควบคุมตัวส่งต่อให้ชุดสืบสวน สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ต่อไป.