เมี่อเวลา 10.40 น. วันที่ 13 พ.ค. 2567 ที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ  ชมกลิ่น  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ตรวจการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ก่อนเป็นประธานประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2567 “ฐานเศรษฐกิจสีเขียว และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 13 - 14 พ.ค. โดยมีนายเกษม จันทร์แก้ว  องคมนตรีและผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระริ  นายเทอดศักดิ์ บุณยขจร รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาและนายดนุชา  สินธวานน์  รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้การต้อนรับ  

 

โดยนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปจากโครงการฯจากนางอรอนงค์  ผิวดิน  เลขานุการโครงการฯ  ในเรื่องการบำบัดน้ำเสียจะเป็นการใช้กระบวนการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ  เมื่อการบำบัดน้ำเสียในขั้นตอนสุดท้ายแล้วจะปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วลงสู่ป่าชายเลนและไหลสู่ทะเล  ส่วนการกำจัดขยะจะใช้เทคโนโลยีกล่องคอนกรีต  วางเป็นชั้นๆใช้กระบวนการจุลินทรีย์ธรรมชาติในการย่อยสลาย

 

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญโครงการพระราชดำริตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้ไปเยี่ยมชมตั้งแต่โครงการห้วยฮ่องไคร้ ที่จังหวัดเชียงใหม่โครงการหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ปลวกแดง จังหวัดระยอง ภูพาน จังหวัดสกลนคร ได้เรียนรู้พอสมควรเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริว่ามีประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างมากมาย  วันนี้ก็มีโอกาสมาเยี่ยมชมโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งดำเนินการศึกษาพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ชุมชนแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติอย่างยั่งยืนคือการบำบัดน้ำเสียโดยวิธีต่างๆ 

 

นายกฯ กล่าวว่า ขอชื่นชมเทศบาลเมืองเพชรบุรีที่เอาใจใส่ดูแลการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ได้กว่า 90%  ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่แก้ปัญหาน้ำเสียได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีสภาพแวดล้อมที่ดีและยังส่งผลต่อด้านเศรษฐกิจด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้เสริมที่เกิดจากการจับสัตว์น้ำมาขายเป็นอาชีพและยังพบว่าความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่มีนกหลากหลายสายพันธุ์ที่หายากมาอยู่ในที่ พร้อมขอบคุณองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นและขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีรวบรวมปัญหาน้ำเสียในพื้นที่เพื่อให้กระบวนการบำบัดน้ำเสียของโครงการฯดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ นำรูปแบบเทคโนโลยีพัฒนาสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริไปปรับใช้ตามพระภารกิจที่อยู่ในหน้าที่เพื่อลดต้นทุนการบำบัดน้ำเสียทั้งภาคอุตสาหกรรม  เกษตรกรรมและภาคครัวเรือน

 

ด้านองคมนตรี  กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ ในหลวงรัชกาลที่9 ริเริ่ม และสำเร็จแล้ว แต่ยังพบว่าปัจจุบันโรงงานส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เครื่องยนต์ จึงใคร่จะขอให้นายกรัฐมนตรีนำแนวคิดในการพัฒนาเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกล่าว ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาเยี่ยม และใช้เวลามาที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตนรู้ว่านายกรัฐมนตรีเหนื่อยมาก ได้ดูในทีวีเห็นว่าเหนื่อยมากวันหลังอาจจะได้เจอกันอีกหลายแห่ง

 

จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะนั่งรถรางชมภายในโครงการและฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีเทคโนโลยีธรรมชาติการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะชุมชน  ก่อนที่จะไปทักทายประชาชน และร่วมกับรัฐมนตรี ผู้ว่าฯ ประชาชนประมาณ 100 คน ปลูกป่าชายเลน ที่บริเวณแปลงวิจัยระบบป่าชายเลนบำบัดน้ำเสีย ซึ่งต้นโกงกางใบใหญ่ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ตนปลูกเป็นต้นโกงกางใบใหญ่ เมื่อปลูกไปแล้วอัตราการตายไม่มี แสดงว่าการปลูกวันนี้รอดทุกต้น และที่ตนปลูกทั้งกระถางซึ่งสานจากต้นไผ่นั้นสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มี สส. จากรวมไทยสร้างชาติมารอต้อนรับนายกฯ ประกอบด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และนายอภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี เขต 3