แจงสมัยนั่งรมว.ยุติธรรม ไม่ค้าน เหตุ ยังไม่รู้จริง-ข้อมูลไม่พอ เผย ที่ประชุม ป.ป.ส.นอกรอบหลายคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีสิทธิค้าน ลั่นพร้อมคุยกลุ่มหนุนกัญชาเสรี ย้ำรัฐบาลจะยึดประชาชนเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งว่า กรณีที่มีคำถามและมีข่าวว่าตนเองเห็นด้วยในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ขอเรียนว่า การทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล อะไรที่เรายังไม่รู้จริง อะไรที่ยังไม่ชัดเจนจริง เราไม่มีสิทธิไปค้านหรือไปทำความเข้าใจอะไร ซึ่งในการประชุม ป.ป.ส.หลายครั้ง คนที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาคือ กระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องอนุสัญญาระหว่างประเทศ แต่นอกรอบมีคนที่ไม่เห็นด้วยรุนแรง มีทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ป.ป.ส. และตำรวจ แต่ท้ายที่สุดแล้วเป็นการประชุมหลังจากทำความเข้าใจกันแล้ว ให้เวลาและให้โอกาสทำงาน ก็ไม่มีใครพูดอะไร เงียบ เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ส.ที่ประชุมกันมีเกือบ 40 คน เราได้ใช้เวลาไประยะหนึ่งแล้ว เมื่อเราเห็นหรือรัฐบาลว่ามีปัญหากับเด็ก เด็กมีแนวโน้มเสพมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สหรัฐอเมริกามีข้อมูลว่าทำให้เด็กมีไอคิวลดลง ส่วนไทยลดลงเช่นเดียวกัน
ถามว่า แสดงว่าส่วนตัวรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขออย่าถามแบบนั้น แต่ที่ผ่านมาเราพูดคุยกันทั้งนอกรอบและในรอบ แต่แม้ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส.อย่างเป็นทางการตนไม่ได้คัดค้าน แต่นอกรอบมีการพูดคุยกัน ให้เกียรติกันในขณะนั้น แต่เมื่อเราจะดำเนินการ ตนเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเวลาที่จะทำความเข้าใจในข้อเท็จจริง เราเดินมาตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ 4 ปีแล้ว เอาข้อมูลมาดูกันและยอมรับข้อเท็จจริง โดยรัฐบาลให้แนวทางยึดประชาชนเป็นหลัก
ขณะนี้จะเอากัญชาทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนเข้าสู่บัญชี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราดูวันนี้ กัญชาถูกควบคุมตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ช่อ ดอก กัญชา สารสกัดเป็นยาเสพติด ยกเว้นเส้นใย เมล็ด หรือควบคุมการปลูกกัญชา หรือจัดรายงานที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ปลูก การนำเข้า มันขึ้นอยู่กับการพูดคุยกัน เพราะสิ่งที่ตนต้องทำคือ กฎกระทรวง ได้แก่ การปลูก การเก็บ การรักษา คนที่มีธุรกรรมทางกัญชาอยู่ ต้องมาคุยกัน หากไม่คุยกันแล้วทำกฎกระทรวงไปเขาจะเสียหายมาก และประกาศตามคำสั่งที่จะให้แพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้าน และวิธีการวิจัยต่างๆ นั้นต้องคุยกันอย่างจริงจัง ให้ได้ข้อมูลครบถ้วน ถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งตนดำเนินการไปในฐานะรัฐบาล มันจะเสียหายได้ ถึงขอให้เข้ามาคุยกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับระยะเวลาดำเนินการนั้น นายกรัฐมนตรีให้เวลาถึงสิ้นปี ถ้าทำได้เร็วก็เร็ว