สุดโหดเหี้ยม แก๊งนักฆ่าประกบอุ้มหนุ่มเกาหลีใต้ รีดค่าไถ่ 3 ล้าน อ้างขัดผลประโยชน์ยาเสพติด สุดท้ายจับเหยื่อฆ่าตัดนิ้วแก้ผ้าโบกปูนยัดถังน้ำ 200 ลิตร โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ชาวบ้านรู้ข่าวแห่ส่งกำลังใจให้สารวัตรแจ๊ะ
     

จนท.ตำรวจ ชุดสืบสวนนครบาล นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. ได้ประสาน พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ระดมกำลังชุดสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา เพื่อช่วยค้นหาศพนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี หลังแกะรอยจนทราบว่าถูกเพื่อนชาติเดียวกัน อุ้มจากผับแห่งหนึ่งในย่าน Rca ไปเรียกค่าไถ่แล้วฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม ก่อนนำศพมาทิ้งที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน ในพื้นที่กรมชลประธาน ใต้สะพานต่างระดับมอเตอร์เวย์ ม.4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
   

โดยนักประดาน้ำ 2 ชุด ใช้เวลางมนานประมาณ 2-3 ชั่วโมง จนกระทั่งพบวัตถุต้องสงสัยเป็นถังน้ำขนาด 200 ลิตร สีดำ จมห่างจากริมตลิ่งของบ่อน้ำประมาณ 5 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร นักประดาน้ำและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงช่วยกันเคลื่อนย้ายถังน้ำวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาบนตลิ่งอย่างทุลักทุเล พบว่าฝาถังถูกโบกปูนปิดทับ เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้มีดเปิดก้นถังเพื่อตรวจสอบ พบศพคาดว่าเป็นเหยื่อชาวเกาหลีถูกแก๊งคนร้ายฆาตกรรมยัดใส่ถังน้ำโบกปูนอย่างโหดเหี้ยม เบื้องต้นจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียดจากตัวถังและจุดเกิดเหตุโดยรอบ
   

จากการชันสูตรพลิกศพ เจ้าหน้าที่ได้ยกถังออกมา ถึงกับตะลึง เมื่อพบศพเหยื่อชาวเกาหลีในสภาพแก้ผ้า นิ้วมือถูกตัดทั้งสองข้าง มีรอยคล้ายบาดแผลบริเวณตรงหน้าอก นอนขดตัวอยู่ในถังน้ำติดกับปูนที่โดนโบกทับ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งกระจายไปไกลกว่า 100 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องมือแย๊กให้ปูนแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะสามารถยกศพขึ้นมาได้ เพื่อจะนำไปตรวจสอบชันสูตรพลิกศพ หาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป โดยมีประชาชนจำนวนมากต่างพากันมุงดูและแตกตื่นกับคดีสะเทือนขวัญ รวมถึงมาส่องหาตัวเลขและตระโกนส่งเสียงให้กำลังใจ ทีมงานชุดสารวัตรแจ๊ะ ที่ได้เข้ามาทำคดีนี้ อย่างใกล้ชิด
 

 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ภายหลังจากได้รับแจ้งจากว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีหายตัวไป เชื่อว่าถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ จากการตรวจสอบพบว่าชาวเกาหลีคนดังกล่าวชื่อ นายโรห์ อึนจง  อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายน และปรากฏว่าในวันที่ 7 พฤษภาคม แม่ของนายโรห์ ได้รับโทรศัพท์ปริศนาบอกว่า ลูกชายของตนได้นำยาเสพติดไปทิ้งน้ำ ทำให้ได้รับความเสียหาย แม่ต้องเอาเงินมาให้ จำนวน 3 ล้านบาท มิเช่นนั้นลูกชายจะถูกฆ่าตาย แม่ของนายโรห์ ไม่สบายใจ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับสถานฑูตเกาหลี เพื่อประสานมาทางตำรวจ สน.คลองตัน ให้ทำการเร่งติดตามตัว 
   

ภายหลัง ได้รับเรื่องจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและตั้งชุดทีมสืบสวนระดมกำลังติดตามตัว กระทั่งสืบทราบว่านายโรห์ มีภรรยาเป็นคนไทย จากการสอบปากคำภรรยาให้การว่าเจอนายโรห์ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผับย่านอาร์ซีเอ เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าวันที่ 3 พฤษภาคม เวลาประมาณตี 2 มีชายชาวเกาหลี 2 คน ประกบแล้วพานายโรห์ ขึ้นรถไป เมื่อตรวจสอบพบว่ารถดังกล่าวเป็นรถเช่า มุ่งหน้าเส้นทางพัทยา ก่อนที่จะเปลี่ยนรถเช่าคันใหม่เป็นรถกระบะและเช่าที่พักใกล้กับอ่างเก็บน้ำมาบประชันพัทยา 
     

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เวลาประมาณ 3 ทุ่ม รถกระบะคันดังกล่าวขับออกมาจากที่พัก โดยมีผ้าคลุมสีดำปิดอยู่ และมีวัตถุสีดำอยู่ในกระบะ ตำรวจจึงได้ทำการไล่กล้องวงจรปิด พบว่ารถคันดังกล่าว ได้มีการไปซื้อถังพลาสติกสีดำ ซื้อเชือกที่ร้านค้า เพื่อเตรียมการ ตำรวจ จึงได้ทำการสืบสวนต่อพบว่า รถกระบะคันดังกล่าว ได้มาจอดรถบริเวณอ่างน้ำมาบประชัน ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะกลับไปยังที่พักที่เช่าไว้ 
   

ล่าสุด จนท.ตำรวจ จึงได้ระดมทีมนักประดาน้ำมาที่อ่างเก็บน้ำ เพื่องมหาและตรวจสอบ พบมีถังน้ำสีดำถูกโบกปูนทับไว้และมีคนอยู่ข้างใน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล แต่เชื่อว่าเป็นนายโรห์ ชาวเกาหลีที่หายตัวไป 
   

ส่วน คนร้าย 2 ราย สามารถระบุตัวบุคคลได้แล้วว่าเป็นใคร ซึ่ง 1 รายได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ส่วนอีก 1 ราย ยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการติดตามตัว
   

ขณะที่ ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดที่ร้านขายถังน้ำ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร พบว่าช่วงประมาณบ่าย 3 โมงเย็นวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา พบรถกระบะ สี่ประตู ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีขาว จอดที่บริเวณหน้าร้าน ก่อนจะมีคนร้ายชายเกาหลีใส่ชุดดำ จำนวน 2 คน ลงจากรถเข้าไปซื้อเชือกไนล่อน 2 มัด และถังน้ำสีดำ ขนาด 200 ลิตร ยกขึ้นท้ายรถกระบะแล้วนำไปใส่ศพเหยื่อและโบกปูนปิดทับเอาไปทิ้งที่อ่างเก็บน้ำดังกล่าว