วันที่ 12 พ.ค.2567 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมของรัฐบาลว่า จากการที่ได้ติดตามการทำงานรัฐบาลมา 8 เดือน สิ่งที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศในวันแถลงนโยบายไว้อย่างหนึ่งคือการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เป็นรากฐานสำคัญของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลก็มองเห็นปัญหาออกว่า ควรจะแก้เรื่องความเหลื่อมล้ำตรงไหน แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลอาจจะทุ่มเทไปยังนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้อย่างเร่งด่วนแบบทุ่มหมดหน้าตัก โดยที่ละเลยการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในเรื่องต่างๆ ดังนั้น ตนเห็นว่า การสร้างความเสมอภาคในสังคม ต้องเริ่มต้นจากการศึกษา เราจะเห็นได้ว่าสภาพปัญหาการศึกษาในปัจจุบัน นักเรียนได้รับการเรียนรู้ไม่เท่าเทียมกัน เช่นเด็กในโรงเรียนชนบทยังขาดแคลนอาคารเรียน บุคลากรครู อุปกรณ์การเรียนการสอน โดยหลายๆโรงเรียนต้องทอดผ้าป่าเพื่อมาเป็นค่าจ้างครู รวมทั้ง ครูหลายๆ คน ต้องมารับภาระเป็น ‘เดอะ แบก’ สอนกันหลายวิชาและต้องมารับผิดชอบงานภายในโรงเรียนอย่างหนักหน่วง เป็นต้น
          
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น ตนจึงอยากเสนอแนวทาง ในการแก้ไขปัญหาทางการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยกันแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยรัฐบาลจำเป็นจะต้องยกระดับการศึกษาในพื้นที่ชุมชน คือ โครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาในชื่อว่า ‘โรงเรียนดีประจำตำบล’ และมีการต่อยอดโครงการกันมาเรื่อยๆ แต่ในปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจนว่า จะทำโครงการนี้ในลักษณะใด ซึ่งหากมีการดำเนินการต่อเนื่องแล้ว ตนเชื่อว่า แนวทางนี้นอกจากจะสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาแล้วยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครองได้อีกด้วย รวมทั้ง ตนเชื่อว่า ไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากให้ลูกไปเรียนไกลบ้านและที่สำคัญยังช่วยสร้างคุณภาพชีวิตให้เด็กดีขึ้น เพราะไม่ต้องตื่นเช้ามากและกลับตอนค่ำ เด็กก็จะพักผ่อนเพียงพอ เพื่อที่จะสามารถฟื้นฟูความจำจากสิ่งที่ได้เรียน และสร้างความพร้อมต่อสมองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการศึกษาของเด็กไทยในอนาคต  รวมทั้ง หลังเลิกเรียนจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตการหารายได้ของพ่อแม่และในชุมชนอีกด้วย ในส่วนโรงเรียนที่ขาดแคลนครูอยู่นั้น  เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการหรือหน่วยงานต้นสังกัดจะจัดสรรบุคลากรครูลงมา ให้ต้องอยู่ตามสัดส่วนที่จำนวนของเด็กนักเรียนในแต่ละโรงเรียน  ซึ่งหลายโรงเรียนขณะนี้เผชิญกับปัญหาช่องว่างระหว่างครูผู้สอนกับครูบรรจุใหม่ที่ช่องว่างระหว่างวัยห่างกันมาก ดังนั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการและผู้เกี่ยวข้อง ควรรีบดำเนินการสร้างและบรรจุครูให้เพียงพอและสามารถทดแทนครูเกษียณให้ทันท่วงทีด้วย
           
“เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากเสนอว่า ในเมื่อรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตามที่ประกาศไว้ในคำแถลงนโยบายแล้ว จะต้องดำเนินการสร้างโรงเรียนคุณภาพใกล้บ้านในทุกพื้นที่ ตามโครงการที่เคยมีมาในอดีต เพราะผมเชื่อว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกหลานไกลหูไกลตา ซึ่งหากรัฐบาลเอาใจใส่ในการดำเนินการจัดสรรงบประมาณ และพร้อมที่บรรจุครูทดแทนในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศอย่างทั่วถึงแล้ว ผมเชื่อว่า ความเหลื่อมล้ำต่างๆ จะค่อยๆ หายไป ตามที่รัฐบาลมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ดังนั้น ผมขอเรียกร้องไปถึงนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ในปีการศึกษาด้วย” นายชัยชนะกล่าว