เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 2567 ที่กองพลทหารราบที่ 9 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาจ.กาญจนบุรี โดยมีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ มทภ.1 พล.ต.วุทธยา  จันทมาศ ผบ.พล.ร.9  ในฐานะผบ.กองกำลังสุรสีห์ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7.และหน่วยงานความมั่นคง เข้าร่วมประชุม

 

จากนั้น ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานแผนการพัฒนาและปัญหาจ.กาญจนา อาทิ ความคืบหน้าการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน การแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนของรัฐ การพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายเพื่อเป็นวงแหวนและใยแมงมุมถนนฝั่งใต้-ถนนฝั่งเหนือกับมอเตอร์เวย์ ทางรางและทางอากาศ การแก้ปัญหาภัยแล้ง แก้ปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน การพัฒนาต่อยอด Hup Tourism เป็นต้น

 

โดยนายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่มาเยือน จ.กาญจนบุรี ต้องขอบคุณผวจ.ที่ได้ติดตามงานอย่างใกล้ชิด จากงานที่เราไปมา โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีการดำเนินการไปมาก เพราะเรื่องนี้คั่งค้าง มาตั้งแต่ปี 2481 พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำกิน การอยู่อาศัย ไม่มีไฟฟ้า ถือเป็นปัญหาต่อเนื่องของเอกสารสิทธิ์ทั้งนั้น  ซึ่งปัจจุบันมีการเดินไปข้างหน้าพยายามแก้ไขปัญหา แต่ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ ซึ่งต้องขอบคุณในความคืบหน้าที่มีมาโดยตลอด  และในวันนี้มาใช้พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ร่วมประชุม ต้องขอบคุณด้วยหลายอย่างที่ทางกองทัพทำมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน ไม่ใช่แค่กองทัพภาคที่ 1 อย่างเดียว แต่ทั่วประเทศไทย  ส่วนการกันพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาแบ่งให้ประชาชาทำมาหากิน ก็หวังว่าจะไม่หยุดแค่นี้ รวมถึงการใช้ยุทโธปกรณ์มาช่วยพี่น้อง เรื่องของภัยแล้ง และน้ำท่วม รวมถึงการขุดลอกคูคลองต่างๆหวังว่าจะช่วยกันต่อไปอย่างต่อเนื่อง

 

"ท่านปิดทองหลังพระนานแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่เราต้องมาพูดคุยกันว่าทางกองทัพจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงเรื่องความช่วยเหลือต่อทางด้านยาเสพติดด้วย" นายกฯ กล่าว

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการท่องเที่ยว ที่ได้เสนอแผนมาถือว่าดี แต่ยังขาดอยู่นิด เรื่องการใช้จ่ายต่อหัว และระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัด ที่รายงานมาคือเรื่องกิจกรรม ต่างๆ ที่พยายามเสริม แค่จุดประสงค์เราอยากให้คนมาจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดให้มากขึ้น แต่แน่นอนการมีกิจกรรมต่างๆทำให้คนมาใช้จ่ายมากขึ้น แต่บางคนเฉลี่ยอยู่คืนเดียว หากเขามาอยู่ได้หลายๆคืน  จะทำให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นจะดีขึ้น จึงขอฝากให้เน้นตรงนี้หน่อย พี่น้องจะได้ประโยชน์จากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรมร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆหากนักท่องเที่ยวอยู่ได้นานหน่อยก็จะดี

 

ส่วนเรื่องการคมนาคมตอนนี้ได้มีการเปิด ไฮเวย์ชั่วคราวสัญจรกรุงเทพฯมาถึงที่นี่ได้ดีขึ้น จริงๆการพัฒนาทางด้านคมนาคม ถือเป็นเรื่องสำคัญทำให้เมืองเจริญขึ้น ไม่ว่าการไปมาหาสู่ภายในประเทศ หรือจังหวัดชายแดนติดต่อกับเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย ถือเป็นเรื่องสำคัญจึงอยากให้ดูตรงนี้อย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาต่อไป

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องการทำเกษตรกรรม จริงๆแล้ว ถือเป็นเรื่องสำคัญในพื้นที่ ทั้งการปลูกข้าว และพืชใหม่ๆที่มีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่าเริ่มมีคนปลูกทุเรียนเยอะ ต่างชาติเริ่มมาจับจองพื้นที่และปลูกทุเรียนส่งออก ตรงนี้เราเน้นการทำมาหากินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และคุ้มครองเกษตรกรไทยด้วย  ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ จริงๆแล้วทั้งจังหวัดกาญจนบุรี มีเขื่อน 3 เขื่อน การขาดแคลนน้ำจริงๆเชื่อว่าไม่มี แต่เป็นเรื่องของการบริหาร จัดท่อส่งน้ำให้เพียงพอ การจัดการเรื่องน้ำให้ดี โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความมั่นคง ใช้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)  หรือ จิสด้าเข้ามาศึกษาแนวทางในการที่เราจะมีทรัพยากรอากาศ และสำรวจพื้นที่ให้ดีตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญ

 

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของการทำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำ จะช่วยบรรเทาน้ำท่วม ในอดีตบางพื้นที่น้ำท่วมถึงหน้าอก หวังว่าจะหมดไป จึงขอให้เร่งทำ ภายใน 2-3 เดือนนี้ให้เสร็จก่อนที่ฤดูน้ำจะมา 

 

นอกจากนี้ เรื่องของสถานการณ์ชายแดนถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องขอขอบคุณกำลังพลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ช่วยกันทุ่มเททำงานอย่างหนัก ซึ่งส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเยอะ  ทั้งนี้ เรื่องของราคายางที่สูงขึ้นต้องขอขอบคุณ เพราะเราตรึงชายแดนไว้ได้อย่างดีมาก เขาเข้าทางอ.สังขะบุรี ไม่ได้ ก็ไปเข้าทางอ.แม่สอด เข้าที่อื่นก็ไม่ได้ และล่าสุดรู้สึกจะไปที่จ.ระนอง ขอฝากทางกองทัพดูด้วย เชื่อว่ามีการพูดคุยกันตลอด

 

“สิ่งเล็กๆน้อยๆในสายตาของสาธารณชน ไม่ค่อยเป็นประเด็นมากนัก แต่ถ้าเราปิด ไม่ให้ยางเถื่อนเข้ามาได้ส่งผลให้ราคายางขึ้น 3-4 เท่า ถือเป็นเหตุผลเดียวก็ว่าได้ เพราะเราเป็นผู้ค้ายางระดับใหญ่ของโลก ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน เรามีพื้นที่ยางกว่า 25 ล้านไร่ หากเราบริหารจัดการได้ดีไ ม่มีของเถื่อนเข้ามา ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องจะดีขึ้น ขอบคุณกองทัพ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร ทำงานกันอย่างใกล้ชิด ตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญอย่างมาก 

 

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องยาเสพติดเราทำกันได้ดีจับได้มากกว่าปีก่อนๆ 3-4 เท่า แต่เรื่องน่าเศร้าราคายาต่อเม็ดไม่ขึ้น แสดงว่าซัพพลายเข้ามาเยอะมาก เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับว่าปวดหัว ทางเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็มาด้วย จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่ว่าทหาร ตำรวจ และหน่วยงานความปกครอง ช่วยกันหน้าที่ให้หนักขึ้น ให้สมกับการประกาศปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติให้มีผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน และทำให้ยาเสพติดหมดไป จัดการกับลูกค้ารายใหญ่ และรายย่อยให้ราบคาบ รวมถึงบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน ยืนยันจะเป็น 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดก็ตาม ถ้ามีจุดมุ่งหมายในการขายจับหมดเรื่องนี้ยืนยัน แต่ถ้าเป็นผู้เสพแล้วเข้ามามอบตัวแล้วก็ปรับให้เป็นผู้ป่วยรักษา ตรงนี้เป็นนโยบายหลัก ที่ได้ดำเนินการมา และเป็นเรื่องสำคัญ

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการค้าขายชายแดน ผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่ามีการพัฒนาคมนาคมไม่ว่าจะเป็นรถไฟ ถนนที่มีการลงทุนไปเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท ลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าตามชายแดน ทั้งกาญจนบุรี และหนองคาย ข้ามไปสปป.ลาวไปจีน สามารถร่นระยะเวลาไปเยอะจากการที่มีรถไฟใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรางคู่หรือรางไฟฟ้าลดระยะเวลาไปได้ 3-4 ชั่วโมง หากถึงชายแดน ถ้าเสียเวลาตรวจสินค้า บางทีพ้นเวลาก็ข้ามคืนไปขนส่งไม่ได้ จึงเชื่อว่าตรงนี้ เป็นอะไรที่เราต้องให้ความสำคัญ ฉะนั้นนโยบายหลักของตน จะทำอย่างเป็นระบบ One Stop Service โดยให้กรมศุลกากรนำร่อง แต่ต้องขอความร่วมมือ จากทุกหน่วยงานด้วย อยากให้สำเร็จในเดือนก.ย.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการที่เราพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมๆกัน ตนเข้าใจว่าภารกิจหลักมีหลายมิติ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ เกษตรกรรม ยาเสพติด การท่องเที่ยว เป็นภารกิจใหญ่จริงๆแต่ขอขอบคุณในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานด้านการปกครอง ความมั่นคง และตำรวจช่วยกันอย่างเต็มที่