เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 11 พ.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางเยี่ยมชมอุตสาหกรรมโคนมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อเดินทางถึง นายกฯ ได้ป้อนนมลูกวัวอย่างอารมณ์ดี 

ก่อนที่นายกฯ จะเดินเข้าไปเยี่ยมชมโรงเลี้ยงของฟาร์มโคนม จังหวัดกาญจนบุรี และรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลพื้นฐานด้านปศุสัตว์โคนม จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งในส่วนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เรื่องปัญหาด้านผลผลิตตกต่ำ จากการจัดการที่ไม่เหมาะสม ปัญหาขาดดุลและปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่จัดการได้ไม่เหมาะสม รวมถึงยังรับฟังข้อมูลผลผลิตด้านปศุสัตว์ประเภทน้ำนมดิบของ จ.กาญจนบุรี

โดยรายงานว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลง โดยปัจจัยในการเลิกเลี้ยงมีเยอะ เนื่องจากไม่มีกำไร และต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น รวมถึงเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำนมวัวลดน้อยลง โดยนายกฯ แนะนำให้ปลูกข้าวโพดและนำซังข้าวโพดมาเป็นอาหารสัตว์ และปรับสภาพฟาร์มโคนมแห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ขณะเดียวกันนายกฯ ได้หันไปบอกนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคมว่า ให้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้นายกฯ ได้แนะนำว่าให้มีการปรับโรงเลี้ยงโคนม เพื่อช่วยในการระบายอากาศร้อน โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า สามารถทำได้เพียงโรงเลี้ยงรายใหญ่เท่านั้น

ต่อมานายกฯ ได้ชิมกาแฟขี้ชะมดพร้อมกล่าวว่า อร่อย เคยได้กินที่ห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ก็ติดใจ ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าควรทำมากขึ้น และน่าจะทำเชิงพาณิชย์ได้ กาแฟชะมดราคากิโลกรัมละ 15,000 บาท ส่วนกาแฟธรรมดากิโลละ 500-600 บาท อันนี้ราคา 2-3 เท่า

ขณะที่เจ้าของกล่าวว่า ที่นี่ตนเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย ที่ผลิตและสอนคนให้ทำกาแฟชะมด เพื่อจะเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกร เพื่อให้ผลิตกาแฟชะมดขึ้นมา จากกาแฟกิโลกรัมละ 100 กว่าบาท เป็น 10,000 บาท และที่น่าสนใจคือ สปป.ลาว อินเดีย และกัมพูชา ก็มาเรียนรู้จักเรา ปัจจุบันเลี้ยงชะมดไว้ 30 กว่าตัว ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่เลี้ยงเพิ่ม เพราะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้การขายลดลงจึงยังไม่ผลิตตัวชะมดเพิ่ม