บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ประกาศผลงานไตรมาสแรกปี 2567 ทำกำไรสุทธิ 294.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.4% และทำรายได้จากการขาย 1,367.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% เติบโตจากทุกช่องทางขายทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในทุกมิติรับต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น พร้อมทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งกลุ่ม Seaweed และ Non-Seaweed เพิ่มความหลากหลายพอร์ตผลิตภัณฑ์ มั่นใจทั้งปีเติบโต 10-15% ตามแผน
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีรายได้จากการขาย 1,367.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีปัจจัยความสำเร็จจากการเติบโตของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ที่มีสัดส่วนรายได้ 35% และ 65% จากรายได้จากการขายทั้งหมดตามลำดับ โดยตลาดต่างประเทศมีศักยภาพเติบโตสูงตามอุปสงค์การบริโภคสาหร่ายที่เติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา และผลงานจากตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหม่ในอินโดนีเซียส่งผลยอดขายต่างประเทศเติบโตโดดเด่น ขณะที่จีนยอดขายชะลอตัวจากเศรษฐกิจที่ซบเซาแต่มีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 2 ส่วนยอดขายในประเทศเติบโตจากนักท่องเที่ยวในประเทศ ร่วมกับแผนมุ่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งนำเสนอสินค้าใหม่ในไตรมาส 1 คือ สาหร่ายทอดรสป๊อปคอร์น และสาหร่ายอบรสมะเขือเทศ ทำให้ผู้บริโภคเข้ามาในกลุ่มขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายเพิ่มขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 294.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ในระดับ 39.7% จากกลยุทธ์ Go Firm ที่มุ่งมั่นให้องค์กรมีความกระชับ ลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) ได้แก่ 1.) การบริหารการขายโดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในสินค้าและช่องทางที่มีกำไรดี (การปรับ Product Mixed) 2.) การปรับราคาสินค้าในตลาดต่างประเทศบางประเทศช่วงปลายไตรมาส 4/2566 เพื่อเตรียมรองรับต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายที่สูงขึ้น 3.) ปรับปรุงต้นทุนอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง, การบริหารประสิทธิภาพภายในโรงงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดของเสียจากการผลิต, การพัฒนากระบวนการทำงานโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2567 นี้มีการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือต้นงวดด้วยต้นทุนใหม่ปี 2567 ตามหลักการบัญชีครั้งเดียวตอนต้นปี ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 นี้สูงขึ้น 2% ซึ่งเป็นการรับรู้ครั้งเดียว ทั้งนี้ภาพรวมต้นทุนสินค้าในปี 2567 จะทยอยปรับสูงขึ้นจากการรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายใหม่ที่สูงขึ้นกว่าปี 2566
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (NPD) ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่าย (Seaweed) และผลิตภัณฑ์ Non-Seaweed เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตผลิตภัณฑ์รองรับกระแสความนิยมและเทรนด์การบริโภคทั้งในตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เห็นดีมานด์การบริโภคสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ จากเทรนด์การรับประทานสาหร่ายกับข้าวในแพลตฟอร์ม TikTok พร้อมกันนี้บริษัทฯ จะเสริมความแข็งแกร่งช่องทางการจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดาที่มียอดขายเพิ่มขึ้น หลังวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางหลัก Costco ได้ถึง 4 ภูมิภาค จากทั้งหมด 8 ภูมิภาค และยังสามารถจัดจำหน่ายไปยัง Costco Canada ได้เพิ่มเติม ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายการบริหารงานที่ยืดหยุ่นปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนไปเพื่อบริหารความเสี่ยงในทุกด้าน พร้อมปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการทำตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายในประเทศไทย พร้อมการก้าวขึ้นเป็น Global Brand รวมถึงผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้
“เราประเมินว่าไตรมาส 2/67 ยอดขายจะยังคงเติบโตตามแผน โดย TKN เตรียมทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงได้เข้าร่วมงาน THAIFEX 2024 ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการขยายตลาด และเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายได้มากขึ้น” นายอิทธิพัทธ์กล่าว