วันที่ 10 พ.ค.2567 เวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ สน.เตาปูน นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" พร้อมด้วยนาย ธนกฤต  หรือ “เสี่ยตี๋” ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีที่แจ้งความดำเนินคดีกับนาย ธนพล หรือ "ดาบโจ" ในข้อหา “ร่วมกันหาฟอกเงิน” 

ทนายอั๋น กล่าวว่า วันนี้ นำเส้นทางการเงินเพิ่มเติมของ นายธนพล มามอบให้พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน พร้อมให้ปากคำเพิ่มเติม ภายหลังเข้าแจ้งความ เมื่อ 1 เดือนก่อน เพื่อเอาผิด นายธนพล ในข้อหาฟอกเงิน โดย นายธนพล เป็นบุคคลที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ชักจูงไปยังสถานที่ต่างๆ และพาไปเบ้าพบพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าเป็นสายลับคนสำคัญ เป็นพยานหลักฐานชิ้นเอก แต่ความจริงแล้ว นายธนพล คือ 1 ในบัญชีม้า เป็นคนชั่ว เป็นหมารับใช้ตำรวจ ตนเองมองว่าจะเป็นพยานปากเอกได้อย่างไร

โดย ทนายอั๋น ได้ตั้งคำถามถึง ทนายตั้ม ว่าทำไมจึงไม่แจ้งความกับ นายธนพล ทั้งที่เป็นบัญชีม้า คอยโอนเงินให้ นายณัฐพงษ์ ก่อนที่จะโอนเป็นทอดๆ ไปถึง มาดามกุ๊กไก่  ซึ่งถือว่าร่วมกระทำผิด แต่ทำไมถึงไม่แจ้งความ ทั้งนี้ หากสุดท้ายพนักงานสอบสวน พบว่า นายธนพล มีความผิดจริง และถูกออกหมายจับ ใครก็ตามให้ที่พักพิงจะต้องโดนหางเลขไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม การที่ ทนายตั้ม มักจะออกรายการ และพาดพิงว่าตนเองหิวแสงนั้น ขอท้ากลับว่าถ้าแน่จริงให้มาตอบคำถามโต้กันเลย เอาความจริงมาให้สังคมรู้ เพราะสิ่งที่ตนเองออกมาเรียกร้องทั้งหมด ต้องการทำความจริงให้ปรากฎ

เมื่อถามว่าบุคคลที่ ทนายตั้ม อ้างว่าเป็นสายลับ คือ นายธนพลหรือไม่นั้น ทนายอั๋น เผยว่า ทนายตั้มได้หลุดปากเองว่าคนในคลิปเสียง คือ นายธนพล ซึ่งเป็นพยานปากเอก โดยถ้าวันที่ 2 เม.ย. ตนเองไม่พาเสี่ยตี๋มาแจ้งความ ใครจะแจ้งจับ นายธนพล

ด้าน นายธนกฤต หรือ เสี่ยตี๋ ออกมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้มาให้กําลังใจทนายอั๋นและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน พร้อมกล่าวฝากไปถึงทนายตั้มด้วยว่าตรวจสอบตนเองเสร็จหรือยัง เพราะจะได้ตรวจสอบกลับบ้างว่าบ้านราคา 80 กว่าล้านบาท ย่านราชพฤกษ์ รวมถึงรถยนต์หรูและทรัพย์สินแบรนด์เนมราคาสูงต่างๆ ของทนายตั้ม ได้มาอย่างไร