นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอกวัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปช.และกรรมการปปช.ทุกคนและเลขาธิการปปช.ให้ตั้งอนุไต่สวนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลังกับพวก กรณีไม่ติดตามให้นายทักษิณ ชินวัตร ชำระเงินตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเอ็กซิมแบ๊งค์ รายละเอียดในหนังสือมีความว่า
ด้วยข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือเรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายเศรษฐา ทวีสิน) และปลัดกระทรวงการคลัง (นายลวรณ แสงสนิท) เรื่องขอทราบผลการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม. ๓/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ กรณีสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งให้กระทรวงการคลังติดตามจำเลย (พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร) ชดใช้ความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดกฎหมายจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยนั้น
ต่อมามีประกาศราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖ ความตอนหนึ่งเกี่ยวกับนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ว่า “ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา” แต่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่ากับขัดพระราชโองการ ไม่มีความสำนึกในความผิดเท่ากับตระบัดสัตย์และนายทักษิณก็ให้สัมภาษณ์ว่าที่ผ่านมา “ของตนเขายัดให้เยอะ” แต่นายทักษิณได้ส่งทนายความของตนเพื่อไปแก้ต่างทุกคดีและศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วทุกคดี
บัดนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ เดือน นับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับหนังสือร้องเรียนของข้าพเจ้าแต่ปรากฏว่านายเศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และกรมหรือข้าราชการที่เกี่ยวข้อง มีการกระทำส่อว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการติดตามให้นายทักษิณ ชินวัตร ชดใช้ความเสียหายจำนวนเงิน ๑๘๙,๑๒๕,๖๔๔.๕๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเคร่งครัดและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับทางราชการ
ทั้งนี้ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการกันข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย หากผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าและพี่น้องประชาชนทราบภายใน ๑๕ วันโดยเร็วที่สุด จักขอบคุณยิ่ง