เศรษฐา ชี้จดหมายลาออกของ กฤษฎา หากถึง สลน. ถือว่าจบแล้ว ยังไม่ได้หารือพีระพันธุ์ ยันเป็นโควตารทสช.   ด้าน'อนุทิน'ยัน'กฤษฎา'ไขก๊อกไม่มีผลต่อภาพลักษณ์ และไม่กระทบการทำงานของรัฐบาล เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วน"สุทิน" เชื่อ"รทสช." แก้ปัญหาภายในได้ มั่นใจไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ  รมช.คลัง ยื่นใบออกจากตำแหน่งรมช.คลัง สามารถยับยั้งได้หรือไม่ ว่า ยังไม่ทราบ เดี๋ยวต้องไปดูที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ถ้าใบลาออกมาแล้วก็ถือว่าจบสิ้น เมื่อถามว่า มีการถกเถียงกันว่าขั้นตอนการลาออกจบสิ้นไปแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเกิดว่าจดหมายมาแล้วก็ถือว่าจบสิ้นแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นจดหมาย ถึงบอกว่าต้องเช็กที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถ้าจดหมายมาแล้วก็คือจบสิ้น
     
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้มีปัญหาอะไรในการบริหารงานในกระทรวงการคลังหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า  ไม่มี เมื่อถามว่า เหตุการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นในกระทรวงอื่น ถ้าหากมีการสอบถามและพูดคุยกันอย่างชัดเจน นายเศรษฐา กล่าวว่า  ตนเป็นห่วงทุกเรื่องเกี่ยวกับความไม่สบายใจของทุกคน ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้ทุกคนมีความสบายใจ แต่เราก็ต้องยึดโยงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก
    
 เมื่อถามอีกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการส่งชื่อมาแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย อย่าไปพูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ก็ทราบกันดีอยู่ว่าเป็นโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลเสมอ  เมื่อถามต่อว่า อาจจะมีการเปลี่ยนกระทรวงไม่เป็นรมช.คลังแล้วก็ได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องพูดคุยกัน
    
 เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน อย่างน้อยตนเชื่อว่าในวันที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะมีการพูดคุยกัน
    
 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการลาออกของนายกฤษฎาจะกระทบต่อภาพลักษณ์และสร้างแรงกระเพื่อมในรัฐบาลหรือไม่ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่เราขอยุ่งเรื่องของเราดีกว่า ไม่อยากไปยุ่งเรื่องคนอื่น เมื่อถามว่า ปรับ ครม.เรียบร้อยแล้วแต่แรงกระเพื่อมยังไม่จบ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าการทำงานมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ในเรื่องของการทำงานไม่มีปัญหา งานของรัฐบาลและข้อสั่งการนายกฯ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงงานของตนเองในกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และการลาออกก็ไม่ได้ทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป และพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไร
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม. ส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาเพราะเกิดจากแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล ฉะนั้นพรรคภูมิใจไทยจะมีปัญหาเช่นนี้ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า  so far so good ที่ผ่านมาดีอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังดีอยู่
 ด้าน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการลาออกของนายกฤษฎาอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ไม่ทราบ ตนก็ฟังจากข่าวว่าท่านลาออกด้วยเหตุอะไร เพราะการลาออกก็มีตามปกติอยู่ และนายกรัฐมนตรีคงต้องหาคนเข้ามาทำงานแทน แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนท่านอาจจะเชิญให้มาพูดคุยกันก่อน อาจมีเรื่องที่จะต้องปรับ ทำความเข้าใจ หากท่านอยู่ต่อก็ทำต่อ หากไม่อยู่ต่อก็หาคนใหม่มาแทน
    
 เมื่อถามว่า จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นส่วนน้อย อาจจะไม่ถึงกับกระทบแต่ถ้ายกกันลาออก หรือถอนตัวกันเป็นพรรค นั่นอาจจะกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล แต่เป็นเพียงบุคคลก็อาจไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เมื่อถามว่า พรรคร่วมมีปัญหาภายในจะส่งผลต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ปัญหาภายใน เราสนับสนุนให้พรรคร่วมรัฐบาลแก้ไขปัญหาภายในของเขา เมื่อมั่นคงก็จบแต่ถ้ามีปัญหาระหว่างพักร่วมด้วยกันก็ต้องแก้กันอีกแบบหนึ่ง แต่ตนเชื่อว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเป็นเรื่อง ส่วนบุคคลไม่ถึงกับกระทบโครงสร้างรัฐบาล ส่วนโอกาสที่จะดึงพรรคร่วมอื่นมาร่วมรัฐบาลนั้น ยังไม่ทราบเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
   
  วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ โดยถือฤกษ์ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ค. ซึ่งนัดหมายเวลาตั้งแต่ 06.30 น. ณ ศาลพระภูมิ บริเวณประตู 2 และในเวลา 06.45 น. เริ่มสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิษย์ ดังนี้ ศาลพระภูมิ,ศาลเจ้าแม่ทุ่งน้อย,พระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เรอ กรมพระจันทบุรีนฤนาด,พระประทานพร,พระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพษรอัครโยริน,หลวงพ่อโอภาสี และในเวลา 07.49 น.อุ้มพระประธานก้าวข้ามธรณีประตูห้องทำงาน ชั้น 10 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี
    
 นายสุชาติ กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งในวันนี้มาด้วยความตั้งใจ มาทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งได้รับมอบหมายงานจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมช.พาณิชย์ ดูแลกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ , สำนักนโยบายแผนและยุทธศาสตร์ , สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) เมื่อถามว่า พึงพอใจกับงานที่ได้รับมอบหมายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นงานที่ตนถนัดอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่เคยอยู่กระทรวงต่างๆ ตนก็เราทำ เรื่องของการเจรจา การทำข้อตกลง
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความน้อยใจหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าจะเหมือนกรณีของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หลังน้อยใจเกี่ยวกับการแบ่งงาน นายสุชาติ ตอบว่า "ดีใจสิครับ ต้องดีใจ" ตรงนั้นต้องแล้วแต่ผู้บริหารแต่ละท่าน ไม่สามารถก้าวล่วงได้ ตนเองตั้งใจที่จะมาทำงานให้กับนายภูมิธรรมอยู่แล้ว รวมถึงสิ่งสำคัญข้าราชการทุกคนตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีทุกท่านมีความรู้มีความสามารถสูงมากเช่นกัน
    
 นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ยอมรับการตัดสินใจของนายกฤษฎา เพราะเป็นพี่อีกคนที่สนิทกัน ท่านเป็นพี่ที่ดี มีความสามารถ เป็นปลัดกระทรวงการคลังมา 3 ปีและเคยร่วมงานกันช่วงโควิดระบาด เมื่อถามว่า การมาดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ที่เกี่ยวกับงานด้านเศรษฐกิจนั้น จะต้องปรับเปลี่ยนหน้าที่และบทบาทการทำงานมากน้อยเพียงใด เนื่องจากก่อนหน้าที่เคยดูแลกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ กล่าวว่า ทั้ง 2 สิ่งสัมพันธ์กัน สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตนก็ไปเปิดตลาดต่างประเทศในเรื่องของแรงงาน วันนี้ตนอยู่กระทรวงพาณิชย์ก็ทำเรื่องการค้าการขายกับต่างประเทศให้สนใจสินค้าไทย ต้องต่อรองตกลงกัน ไม่ให้เสียเปรียบเขา ซึ่งเราจะมีกรอบพูดคุยให้อยู่ในขอบเขต ไม่ใช่เจรจาโดยคิดเอง ต้องเอาหลักความเป็นจริงเป็นหลัก รวมถึงมองว่าการจะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน แรงงานแข็งแรง มีคุณภาพ สินค้าเกษตร การค้าขายพรีเมี่ยม เราก็เป็นพ่อค้าได้ ขายสินค้าไปยังต่างประเทศได้
   
  เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ เมื่อได้ทำงานร่วมงานกับรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย นายสุชาติ กล่าวยืนยันว่า  ไม่หนักใจ ไม่กังวลใจเลย เพราะนายภูมิธรรมเป็นผู้ใหญ่ ตนติดตามผลงานมาตั้งแต่สมัยปี 2548 มองว่า ท่านเป็นคนเก่ง มีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน เป็นคนที่จริงจัง ที่สำคัญที่สุดคือ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งท่านได้กำชับกับตนว่าทำอย่างไรก็ได้ เพื่อปากท้องประชาชน เมื่อถามว่า จะขับเคลื่อนการทำงานอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า  กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงใหญ่ ต้องใช้เวลาศึกษานิดหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือทำอะไรก็ได้ที่ประชาชนได้ประโยชน์ตามที่ตนมีโอกาสได้พระมหากรุณาธิคุณเข้าถวายสัตย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้โอวาทไว้ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน
   
  เมื่อถามถึงการส่งออกทุเรียนไปยังต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูการทุเรียน นายสุชาติ ยืนยันว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพต้องได้มาตรฐาน มีการตรวจสอบสินค้าที่ส่งออก ต้องพรีเมี่ยมจริงๆ ไม่ใช่ทุเรียนอ่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องดูแลอยู่แล้ว รวมถึงสั่งการให้ตนดูเรื่อง สินค้ารองที่จะส่งออกด้วย ไม่ใช่เพียงแต่ส่งสินค้าหลักเท่านั้น ต้องมีสินค้ารองพ่วงด้วย
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้  น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ และกลุ่มส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เดินทางร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจนายสุชาติด้วย 
 โดย นายเอกนัฏ ตอบข้อสักถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีพอใจกับตำแหน่งของนายสุชาติหรือไม่ ว่า เรื่องความพอใจ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลังจากที่เราตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ทุกตำแหน่งมีความสำคัญกันหมด พรรคก็สนับสนุนนายสุชาติ เพราะท่านเองก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ เคยเป็นรมว.แรงงานมาก่อน เพราะฉะนั้นเชื่อว่าสวมหมวกใบใหม่เป็นรมช.พาณิชย์ ก็ยังสามารถทำงานบรรลุลุล่วงไปด้วยดี ทั้งนโยบายของกระทรวงและนโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญจะเป็นกำลังสำคัญของพรรคต่อไป
   
  ส่วนการที่นายสุชาติได้รับตำแหน่งนั้น ส.ส.และสมาชิกของพรรค พึงพอใจหรือไม่ ขออย่าไปคิดมาก การบริหารพรรคการเมืองหรือการเสนอชื่อคนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตนมองว่าต้องดูที่ความสามารถ ความเหมาะสมหรือที่ประสบการณ์ ใครที่จะสามารถทำประโยชน์ให้กับกระทรวง รัฐบาล ประเทศ ยืนยันไม่ได้มาบริหารความพึงพอใจของคนในพรรค และวันนี้ก็เห็นแล้วว่ามีส.ส.ในพรรคจำนวนมากมาแสดงความยินดี เพราะทุกคนรักท่าน เป็นนักเลง ใจใหญ่ เป็นพี่ชายเขาเรียกกัน "พี่เฮ้ง"