เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่วัดพระธาตุจังเกา ตำบลโนนปูน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ เป็นประธาน พิธีไหว้พระธาตุจังเกา ที่อำเภอไพรบึง โดยนายอำเภอไพรบึงร่วมกับ ชาวบ้าน จัดขึ้น เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของคนในท้องถิ่น และร่วมสืบทอดอนุรักษ์โบราณสถานเก่าแก่ที่มีการขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร และเป็นที่เคารพ ศรัทธา ของชาวบ้าน *  โดยมี นายชัยยงค์ เมธาสุนวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายฉลาด ชิดชม นายอำเภอไพรบึง  พระครูสีลสาราภินันท์ เตชสีโล เจ้าวาสวัดหนองค้า รองเจ้าคณะอำเภอพยุห์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และคณะสงฆ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ชาวบ้าน   นายฉลาด ชิดชม นายอำเภอไพรบึง กล่าวว่า พิธีไหว้พระธาตุจังเกา ถือเป็นประเพณีที่ชาวบ้านในตำบลโนนปูน ร่วมกับชาวบ้านใกล้เคียง ได้ยึดถือสืบต่อกันมา และเป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางชนแดน 4 อำเภอ คือ วังหิน พยุห์ ไพรบึง และขุขันธ์

ซึ่งพระธาตุจังเกา เดิมเป็นพระธาตุที่ก่อด้วยอิฐทั้งองค์ จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในสมัยที่พระธาตุจังเกา ยังมีสภาพสวยงามมีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม แต่ส่วนยอดจะกลมที่ยอดพระธาตุจะมีฉัตรสำริดหลายชั้นและ มีกระดิ่งโลหะ เมื่อมีลมพัดจะมีเสียงดังกังวาน ในทุกวันพระจะมีแสงลอยออกจากยอดพระธาตุ ชาวบ้านจึงเคารพ นับถือ ต่างพากันมากราบไหว้ สักการะบูชา  ต่อมามีพวกกุลาเอาปืนมายิงกระดิ่งที่แขวนอยู่ฐานฉัตร  บนยอดพระธาตุแล้วขโมยเอา กระดิ่งไป  ซึ่งทำให้เกิดเหตุในเวลาต่อมาคือพระธาตุได้ ล้มลงมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระธาตุพนม จังหวัดนครพนมล้มลง ชาวบ้านที่เคยไปเคารพกราบไหว้ต่างรู้สึกเสียดายและ ได้ช่วยกันรวบรวมวัตถุและนำชิ้นส่วนที่สำคัญมาเก็บไว้ 

 สันนิษฐานว่าพระธาตุจังเกาอาจสร้างขึ้นเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ปกครองในสมัยโบราณ หรือบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอายุของปราสาท พระธาตุจังเกาสันนิษฐานว่า อาจเป็นลักษณะศิลปะการก่อสร้างที่ก่อสร้างด้วยอิฐทั้งองค์ ช่วงราวๆพุทธศตวรรษที่ 17 หรือ ประมาณ 800-900 ปีมาแล้ว
   

สำหรับกิจกรรมของงานที่จัดมีการแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่า 4 เผ่าไทย คือ ชนเผ่าเขมร ,ชนเผ่ากวย หรือ ส่วย  ,ชนเผ่าลาว และชนเผ่าเยอ โดยมีการแสดงของชนเผ่าหนึ่งที่สร้างความสนุกสนานและรอยยิ้มจากคนชมเป็นอย่างมาก คือ การแสดงลำแห่บั้งไฟ ของชนเผ่าลาว ซึ่งการแสดงดังกล่าวจะมีจุดหนึ่งที่หลายคนมองแล้วต้องยิ้ม และหัวเราะ คือการนำไม้มาทำเป็นตุ๊กตาคน 2 คน และผูกเชือก โดยชาวบ้านเรียกว่า ตัว ตะล็อกป๊อกแปก หรือเรียกอีกอย่าหนึ่งว่า กองเชียร์พระยาคางคก หรือ ตัวสัปดน ซึ่งเป็นการละเล่น หรือเป็นเครื่องบูชาพญาแถน ในการแห่บุญบั้งไฟของชาวอีสาน โดยถือว่าเป็นตัวตลกที่สร้างสีสัน สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่ได้เห็นอีกด้วย
           

 หลังพิธีไหว้สักการะพระธาตุจังเกา ชาวบ้านในพื้นที่ยังพากันไปกราบไหว้สักการะพระพุทธรูปที่เคารพศรัทธา  เพื่อขอให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ขออย่าได้มีพายุพัดบ้านเรือนเสียหาย   การไหว้พระธาตุได้หาธูปที่มีตัวเลขมาจุดเพื่อ ขอโชคขอลาภ เนื่องจากมีข่าวลือว่าพระธาตุจังเกาแห่งนี้เคยให้โชคลาภกับชาวบ้านถูกหวยมาแล้ว 3 งวดติดๆกัน ซึ่งธูปที่จุดได้ในวันนี้คือ 658  แต่บางคนกลับมองเห็นเป็น 058  ซึ่งแล้วแต่ดวงและโชคของแต่ละคน