“รมว.ปุ๋ง-สุดาวรรณ” ตั้งเป้า 3 เดือนแรก ขับเคลื่อน Soft Power สานต่อ OFOS ชู “หนึ่งภาค หนึ่งมรดกโลก”
9 พ.ค. 67 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ได้เดินทางเข้ากระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เป็นครั้งแรก โดยถือฤกษ์ 08.19 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวธ. โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำวธ. และผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่วธ. ให้การต้อนรับ จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า ได้ร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายกับผู้บริหารทุกหน่วยงานในสังกัดเกี่ยวกับงานที่กำลังทำอยู่ และงานที่กำลังจะขับเคลื่อนให้มีความต่อเนื่อง ชูนโยบายหนึ่งภาค หนึ่งมรดกโลก เพราะเห็นว่าทางวธ. ได้มีการขึ้นทะเบียนของยูเนสโกทั้งมรดกทางวัฒนธรรม และมรดกภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งแต่ละภาคมีความหลากหลาย อยากผลักดันให้แต่ละภูมิภาคมีมรดกโลกเป็นของตัวเองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และให้ทุกคนเห็นความสำคัญของโบราณสถาน มรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ ที่มีความสำคัญของแต่ละภูมิภาค ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดให้ทุกคนได้เห็น โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทง ที่อยู่ระหว่างการรอขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกในปีนี้ หากได้ขึ้นทะเบียน จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย เช่นเดียวกับการขึ้นทะเบียนประเพณีสงกรานต์ ที่ทำให้คนทั่วโลกสนใจมาร่วมงาน โดยเฉพาะงานมหาสงกรานต์ที่จัดขึ้นยังท้องสนามหลวงที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นจุดหมายปลายทางในปฏิทินของนักท่องเที่ยว
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับการสานต่อนโยบาย OFOS นั้น เดือนมิ.ย.67 นี้ จะมีการเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมฝึกอาชีพ ซึ่งจะมีการหารือถึงรายละเอียดการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของ คกก.ซอฟเพาวเวอร์แห่งชาติ ทั้งนี้เห็นว่าวธ.มีทุนทางวัฒนธรรมเยอะมาก สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไปได้ทุกภูมิภาค เพราะแต่ละภาคมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ทั้งงานหัตถกรรม ผ้าไทย มีความหลากหลายในแต่ละภูมิภาค และวธ.มีโครงการที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น โครงการเที่ยวชุมชนยลวิถี โครงการออกแบบลวดลายผ้าไทย ที่เปิดกว้างให้มีความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ชุมชนทั่วประเทศ ได้ต่อยอดอัตลักษณ์พร้อมๆ กับความร่วมสมัย ส่วนมติใหม่ในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม มองว่าผ้าไทยไม่ใช่เพียงคนมีอายุใส่ แต่เห็นว่าเดี่ยวนี้คนรุ่นใหม่ก็สามารถใส่ได้ และหัตถกรรมสามารถแปลงได้โดยรักษาความดั้งเดิมกับอัตลักษณ์บวกกับความทันสมัย เช่น ศรีเทพ ที่มีการจัดทำไลท์แอนซาวน์ยามค่ำคืน ถือว่าเป็นการปรับตัวสภาวะแวดล้อมเป็นมุมมองเที่ยวตอนเย็นและเห็นว่างดงาม มีหลากลายที่ทำให้มีชีวิตชีวาได้ ไม่ใช่อะไรเดิมๆ
“3 เดือนแรก ตั้งเป้าจะขับเคลื่อนเรื่อง Soft Power การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 และมีอีกหลายส่วนงานที่ต้องเร่งขับเคลื่อน รวมถึงการลงพื้นที่โบราณสถาน ชุมชนที่มีการสืบทอดศิลปะหัตกรรมท้องถิ่น เพราะชุมชนเหล่านี้สามารถสร้างเศรษฐกิจให้ท้องถิ่น จะผลักดันให้มากที่สุด คนรุ่นใหม่ทำงานวัฒนธรรม ไม่กดดัน แต่ขอเวลาทำงานและปรับ เพราะมีงานให้ทำหลากหลาย การประชุมร่วมกับปลัดวธ. และหัวหน้าหน่วยงานในวธ. จะสามารถรวมไอเดียและทีมงานได้มากขึ้น จะเป็นกระทรวงวัฒนธรรมที่กระฉับกระเฉง วันนี้ตั้งใจมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนโดยเน้นอัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ เพราะมีความพิเศษแต่ละพื้นที่ ชูและกระจายในแต่ละพื้นที่ ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแต่ละพื้นที่ แต่ละภูมิภาคต่างกัน จะขับเคลื่อนอย่างไร เพื่อสร้างรายได้” สุดาวรรณ รมว.วัฒนธรรม กล่าว