วันที่ 8 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากการแสดงเจตจำนงและยื่นจดหมายลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร ของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ในการยื่นหนังสือลาออกตำแหน่ง รมช.คลัง ต่อนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เมื่อวันที่ 8 พ.ค.นั้น แม้ในวันเดียวกันนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะได้โทรศัพท์เพื่อยับยั้งการลาออกดังกล่าว แต่ในทางกฎหมายแล้วถือว่าการลาออกของนายกฤษฎามีผลโดยสมบูรณ์แล้ว 

 

โดยก่อนหน้านี้มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีการะบุไว้อย่างชัดเจนว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดให้รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตนและรับผิดชอบร่วมกันในนโยบายทั่วไปต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือรัฐสภาตามบทเฉพาะกาล 

 

เมื่อรัฐมนตรีคนใดไม่ประสงค์จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตน หรือในนโยบายทั่วไปอีกต่อไป จึงต้องถือว่าเป็นสิทธิของรัฐมนตรีคนนั้น ที่จะลาออกเมื่อใดก็ได้ และไม่อยู่ภายใต้การยับยั้งของผู้ใด ดังนั้นในกรณีที่มีการแสดงเจตนาลาออกด้วยวาจา การลาออกย่อมมีผลสมบูรณ์เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับทราบการแสดงเจตนานั้น

 

ส่วนในกรณีที่การแสดงเจตนาลาออกกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร การลาออกย่อมมีผลสมบูรณ์ นับแต่วันที่ได้กำหนดไว้ในใบลาออกซึ่งได้ยื่น ณ สถานที่และต่อบุคคลตามระเบียบปฏิบัติราชการ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง