วันที่ 9 พ.ค.67 ที่บริเวณถนนราชดำริ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการแก้ไขการจราจรติดขัดบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ว่า กทม.ยังต้องกำกับดูแลพื้นที่ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้ใช้รถเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ อาจมีผู้ขับขี่รายใหม่เข้ามาจอดกีดขวางการจราจร จึงต้องใช้วิธีตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ควบคู่กับการใช้กล้อง AI ในการกำกับดูแลพื้นที่ไปตลอด และขยายการกำกับดูแลย่านราชประสงค์ในวงกว้างมากขึ้น
โดยการแก้ไขเรื่องรถแท็กซี่ รถสามล้อ จอดแช่กีดขวางการจราจร กทม.โดยสำนักการจราจรและขนส่ง กรมการขนส่งทางบก ตำรวจนครบาล สน.ลุมพินี สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตปทุมวัน ได้ร่วมกันจัดทำเลนเฉพาะ และกำกับการจราจรบริเวณหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้รถเมล์สามารถเข้าจอดเทียบป้ายได้ และรถอื่น ๆ สามารถเข้าจอดรับส่งผู้โดยสารได้เช่นกัน ทำให้รถแท็กซี่ไม่สามารถจอดแช่ได้
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดจุดจอดสำหรับรถแท็กซี่ และมีการขอความร่วมมือกับแอปพลิเคชั่นในการปรับเปลี่ยนจุดปักหมุดรับส่งผู้โดยสาร ตามที่ห้างสรรพสินค้ากำหนดไว้ แต่ปัญหาที่พบคือ รถแท็กซี่ไม่ยอมเข้ารับผู้โดยสารตามจุดที่กำหนด เนื่องจากต้องการเรียกราคาผู้โดยสารโดยไม่กดมิเตอร์
จากการกวดขันโดยเจ้าหน้าที่และกล้อง AI ที่ผ่านมา พบว่า จากเดิมมีการจอดในจุดห้ามจอดวันละประมาณ 450 ครั้ง ปัจจุบันเหลือประมาณ 45 ครั้ง ซึ่งสะท้อนว่าประชาชนทั่วไปและผู้ขับรถแท็กซี่ รถสามล้อ ให้ความร่วมมือในการไม่จอดแช่มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่มีการจ่ายส่วยเพื่อแลกกับการจอดแช่ใช่ไหม พล.ต.อ.อดิศร์ ยิ้มส่ายหน้า และตอบว่าไม่มี โดยให้เหตุผลว่า การรวมกลุ่มกันมาจอดของรถสามล้อและรถแท็กซี่บริเวณดังกล่าว เป็นลักษณะเครือข่ายในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพเท่านั้น แต่ต้องไปรวมกลุ่มกันในจุดที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อไม่กระทบการจราจร
อย่างไรก็ตาม จะมีการขอความร่วมมือกับแอปพลิเคชั่นขนส่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่า จากการทดลองขยับหมุดจุดจอดรับส่งผู้โดยสารตามจุดที่กำหนด ทำให้การจราจรคล่องตัวมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องเดินข้ามถนนไปขึ้นรถที่เรียกจากแอปพลิเคชั่นเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะนำแนวทางขยายไปดำเนินการยังห้างสรรพสินค้าและจุดอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาการจราจรต่อไป