เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 พ.ต.ท.ธานินทร์ กันภัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายเรียกนักธุรกิจสาวใหญ่ในความผิดฐาน ฉ้อโกง  หลังได้รับแจ้งความจากตัวแทนผู้เสียหาย ว่า พระเครื่องที่ได้รับมาจากนักธุรกิจสาวใหญ่คนหนึ่ง เป็นพระเก๊ เนื่องจากผู้เสียหายได้นำนาฬิกาหรู ยี่ห้อปาเต๊ะ รวมไปถึงเครื่องเพชร และสิ่งของแบรนด์เนม รวมมูลค่ากว่าสิบล้านไปแลกเปลี่ยน แต่พอตนเองนำไปตรวจสอบกลับพบว่าพระเครื่องที่ได้รับมาเป็นพระปลอม ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก  
   
จากการสอบถามผู้เสียหาย ได้เล่าว่า ตนเองได้รู้จักกับ นักธุรกิจสาวใหญ่คนหนึ่ง จากการเข้าอบรมหลักสูตรหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่หน่วยงานราชการจัดขึ้น ระหว่างการอบรมหลักสูตรดังกล่าวได้มีการติดต่อพูดคุยกันผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์เรื่อยมา มีการพูดคุยชักจูงให้เชื่อใจว่าตนเป็นญาติกับ อดีตประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ เช่น ใช้คำว่า คุณตา และอ้างว่าได้รับพระเครื่องจากมือคุณตาเปรม และมอบให้กับตน โดยอ้างว่าพระเครื่องมีมูลค่าสูงมาก และเนื่องจากได้อ้างว่าเป็นหลานคุณตาเปรม ตนเองจึงได้แนะนำช่องทางการทำธุรกิจให้และมอบนาฬิกาหรูยี่ห้อปาเต๊ะ อีกทั้งยังมีเครื่องเพชร และสิ่งของแบรนด์เนมเป็นการตอบแทน แต่พอตนเองนำพระเครื่องไปตรวจสอบกับพบว่า พระเครื่องที่ได้มานั้น เป็นของปลอมซึ่งได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 
   
อย่างไรก็ตามทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ได้ส่งหนังสือขอตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร ไปยังที่ว่าอำเภอเมืองนครพนม เพื่อตรวจสอบความเป็นเครือญาติของ นักธุรกิจสาวใหญ่คนนี้ กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร ทะเบียนครอบครัว ทะเบียนชื่อบุคคล ไม่พบว่ามีความเกี่ยวพันเป็นเครือญาติกับ พล.อ.เปรม ตูณสูลานนท์ และนามสกุลที่ผู้ต้องหาใช้อยู่นั้นก็เป็นนามสกุลของสามีที่ได้หย่าขาดกันไปแล้ว ทั้งยังพบประวัติการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อนามสกุล และประวัติการหย่าอีกหลายครั้ง